คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1122/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

คดีมีประเด็นต้อง วินิจฉัยว่า โจทก์ละทิ้งหน้าที่สามวันติดต่อกันโดย ไม่มีเหตุสมควรหรือไม่ การที่โจทก์แถลงรับว่าโจทก์ขาดงานเป็นเวลาสามวันติดต่อ กันโดย มิได้แจ้งหรือยื่นใบลาต่อ จำเลยนั้นคดีจึงยังมีปัญหาต้อง วินิจฉัยอีกว่า การที่โจทก์ละทิ้งหน้าที่นั้นเป็นการละทิ้งหน้าที่โดย ไม่มีเหตุสมควรหรือไม่ ข้อเท็จจริงที่โจทก์แถลงรับดังกล่าว จึงยังไม่เพียงพอแก่การวินิจฉัยคดีได้ดังนี้ การที่ศาลแรงงานกลางสั่งให้งดสืบพยานโจทก์และพยานจำเลยแล้ววินิจฉัยว่าโจทก์ละทิ้งหน้าที่ติดต่อ กันสามวันโดย ไม่มีเหตุสมควรจึงเป็นกรณีที่ศาลแรงงานกลางปฏิบัติไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 243 ประกอบด้วย พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้จ้างโจทก์เข้าทำงานเป็นลูกจ้างประจำต่อมาจำเลยได้เลิกจ้างโจทก์โดยโจทก์ไม่มีความผิด โจทก์ได้รับค่าจ้างอัตราสุดท้ายวันละ 175 บาท มีสิทธิได้รับค่าชดเชยเป็นเงิน 31,500บาท แต่จำเลยไม่ยอมจ่ายให้ ขอให้พิพากษาบังคับจำเลยจ่ายค่าชดเชยจำนวน 31,500 บาท แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์ได้จงใจกระทำการฝ่าฝืนข้อบังคับและระเบียบเกี่ยวกับการทำงาน ทำให้จำเลยต้องได้รับความเสียหายอยู่เป็นนิจ และโจทก์จงใจละทิ้งหน้าที่ไม่มาทำงานเป็นเวลาสามวันติดต่อกันโดยไม่มีเหตุอันสมควร โดยไม่แจ้งเหตุต่อจำเลยทำให้จำเลยต้องได้รับความเสียหาย จำเลยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์เมื่อเลิกจ้าง
ในวันนัดพิจารณาทนายจำเลยแถลงขอสละข้อต่อสู้ตามคำให้การของจำเลยที่ว่าโจทก์จงใจกระทำการฝ่าฝืนข้อบังคับและระเบียบเกี่ยวกับการทำงาน ศาลแรงงานกลางจึงกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่าโจทก์ละทิ้งหน้าที่ติดต่อกันเกินกว่าสามวันโดยไม่มีเหตุอันสมควรหรือไม่ โจทก์แถลงรับว่าโจทก์ได้ขาดงานตั้งแต่วันที่ 13 มกราคม 2533 ถึงวันที่16 มกราคม 2533 โดยมิได้แจ้งหรือยื่นใบลาต่อจำเลย ศาลแรงงานกลางเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้ ให้งดสืบพยาน
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้องให้โจทก์
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยโจทก์มิได้กระทำความผิดแต่อย่างใด จำเลยให้การต่อสู้ว่า โจทก์ละทิ้งหน้าที่เป็นเวลาสามวันทำงานติดต่อกันโดยไม่มีเหตุอันสมควร เมื่อศาลแรงงานกลางสอบโจทก์ การที่โจทก์แถลงรับแต่เพียงว่าโจทก์ขาดงานเป็นเวลาสามวันติดต่อกัน และมิได้แจ้งหรือยื่นใบลาต่อจำเลย มิใช่ว่าจะเป็นการละทิ้งหน้าที่เป็นเวลาสามวันทำงานติดต่อกันโดยไม่มีเหตุอันสมควร ชอบที่ศาลแรงงานกลางจะฟังข้อเท็จจริงก่อนว่า ที่โจทก์ขาดงานนั้นมีเหตุอันสมควรหรือไม่คำสั่งของศาลแรงงานกลางที่สั่งให้งดสืบพยานโจทก์และจำเลย แล้ววินิจฉัยว่าโจทก์ละทิ้งหน้าที่เป็นเวลาสามวันทำงานติดต่อกันโดยไม่มีเหตุอันสมควร เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ศาลแรงงานกลางพิจารณาพิพากษาคดีใหม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้มีประเด็นที่ต้องวินิจฉัยว่า โจทก์ละทิ้งหน้าที่สามวันติดต่อกันโดยไม่มีเหตุอันสมควรหรือไม่ เมื่อศาลสอบโจทก์ โจทก์เพียงแต่แถลงรับว่าโจทก์ขาดงานเป็นเวลาสามวันติดต่อกันโดยมิได้แจ้งหรือยื่นใบลาต่อจำเลย ไม่ได้แถลงรับว่า การที่โจทก์ละทิ้งหน้าที่นั้นเป็นการละทิ้งหน้าที่โดยไม่มีเหตุอันสมควร คดีจึงยังมีปัญหาต้องวินิจฉัยอีกว่า การที่โจทก์ละทิ้งหน้าที่นั้นเป็นการละทิ้งหน้าที่โดยไม่มีเหตุอันสมควรหรือไม่ การที่โจทก์แถลงรับว่าโจทก์ขาดงานเป็นเวลาสามวันติดต่อกันโดยมิได้แจ้งหรือยื่นใบลาต่อจำเลยนั้น ข้อเท็จจริงยังไม่เพียงพอแก่การวินิจฉัยคดีได้ที่ศาลแรงงานกลางสั่งให้งดสืบพยานโจทก์และพยานจำเลยแล้ววินิจฉัยว่า โจทก์ละทิ้งหน้าที่สามวันทำงานติดต่อกันโดยไม่มีเหตุอันสมควร จึงเป็นกรณีที่ศาลแรงงานกลางปฏิบัติไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31ศาลฎีกาเห็นควรย้อนสำนวนให้ศาลแรงงานกลางพิจารณาคดีใหม่ให้ถูกต้อง”
พิพากษายกคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง ให้ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยข้อเท็จจริงดังกล่าวข้างต้น แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี.

Share