แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้รับอนุญาตให้จับช้างป่าแล้วไม่ชักลาก เป็นเหตุให้ช้างเหยียบย่ำทำร้ายกันเองจนตายจำเลยต่อสู้ว่าไม่มีเจตนาฆ่าช้างตายเพราะทำการจับช้างไม่ทันท่วงทีโดยคาดเหตุการณ์ล่วงหน้าไม่ถูก โจทก์ไม่สืบพยานขอให้วินิจฉัยว่าตามพฤติการณ์เช่นว่านี้จำเลยมีความผิดหรือไม่
พฤติการณ์เช่นว่านี้ยังไม่ปรากฏว่าจำเลยมีเจตนาจะฆ่าหรืออาจแลเห็นผลแห่งการกระทำนั้นได้ จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานฆ่าช้างป่าโดยเจตนา
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นผู้ประมูลได้ในการตั้งคอกจับช้างป่าจำเลยจับช้างป่าเข้าคอก 20 เชือกแล้วไม่ชักลากช้างป่าออกจากคอกในทันทีที่ช้างป่าเข้าคอกปล่อยทิ้งช้างไว้จนกระทั่งวันรุ่งขึ้นเป็นระยะเวลาเกินกว่า 12 ซม.ทำให้ช้างเหยียบย่ำทำร้ายกันเองและอดหญ้าอดน้ำตายไป 9 เชือก โดยพฤติการณ์อันมิใช่พ้นวิสัยจะป้องกันหลีกเลี่ยงได้ขอให้ลงโทษฐานฆ่าช้างป่าตาม พระราชบัญญัติรักษาช้างป่า พ.ศ. 2464 มาตรา 18
จำเลยรับว่าต้อนช้างป่าเข้าคอกจริงจำเลยมีช้างชักลากเพียง 2 เชือก จึงทำการจับช้างไม่ทันท่วงทีโดยคาดเหตุการณ์ล่วงหน้าไม่ถูกหามีเจตนาฆ่าไม่
คู่ความไม่ติดใจสืบพยาน
ศาลล่างทั้งสองเห็นต้องกันว่าจำเลยไม่ได้ทำให้ช้างตายโดยตรงและจำเลยไม่มีเจตนาฆ่าช้างนั้น หากจะถือว่าจำเลยเอาช้างออกจากคอกช้าไปกว่า 12 ชม. ตามวิธีที่เคยปฏิบัติมา แต่จำเลยละเลยเสียก็เป็นเรื่องทำให้ช้างตายโดยประมาทเท่านั้น ยังไม่มีผิดตามข้อหา จึงให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกาในข้อกฎหมายว่าตามพฤติการณ์ดังกล่าวควรฟังได้ว่าจำเลยฆ่าช้างป่ามีความผิด
ศาลฎีกาเห็นว่าตาม พระราชบัญญัติรักษาช้างป่า พ.ศ. 2464 มาตรา 18 บัญญัติว่า ผู้ใดฆ่าช้างป่าโดยวิธีใด ๆ ก็ตามผู้นั้นมีความผิด ฯลฯ
ตามคำฟ้องที่ว่า “อันเป็นการฆ่าช้างป่า” นั้นคือโจทก์ถือเพียงว่าตามพฤติการณ์ที่เกิดช้างตายขึ้นนั้นควรฟังได้ว่าจำเลยฆ่าแต่เมื่อจำเลยปฏิเสธว่าไม่มีเจตนา แล้วโจทก์ก็ไม่สืบให้เห็นว่าเป็นการกระทำของจำเลยโดยตั้งใจให้ช้างตายหรืออาจแลเห็นผลแห่งการที่กระทำนั้นได้เช่นนี้ ลงโทษจำเลยไม่ได้
พิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์