แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยคืนสร้อยราคา 5,000 บาทที่ยืมไปหรือให้ใช้ราคาพร้อมทั้งดอกเบี้ยนับจากวันผิดนัดถึงวันฟ้องอีก 560 บาทเป็นคดีมีทุนทรัพย์เกินกว่า 5,000 บาท จึงไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
จำเลยฎีกาว่า พยานหลักฐานจำเลยควรรับฟังได้ว่าจำเลยชำระหนี้ให้โจทก์เสร็จสิ้นแล้ว เป็นการเถียงว่า ควรรับฟังคำพยานอย่างไร จึงเป็นการโต้เถียงในปัญหาข้อเท็จจริง
เมื่อคำฟ้องฎีกาของจำเลยไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงและศาลชั้นต้นก็สั่งรับฎีกามาแล้ว แม้จะใช้คำว่ารับฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายก็ตาม ก็หาได้ผูกมัดศาลฎีกาให้จำต้องถือตามด้วยไม่ศาลฎีกาย่อมวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงในคำฟ้องฎีกาของจำเลยได้
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่า จำเลยยืมสร้อยคอและสร้อยข้อมือทองคำราคา 5,000 บาท ไปจากโจทก์ กำหนดส่งคืนภายใน 20 เดือน หากส่งคืนให้ไม่ได้ สัญญาจะใช้เงิน 5,000 บาท ให้แก่โจทก์ ครั้นครบกำหนดส่งคืน จำเลยไม่คืนทรัพย์ที่ยืม ทวงถามแล้ว จำเลยก็เพิกเฉย จึงขอให้จำเลยคืนสร้อยคอและสร้อยข้อมือ หรือใช้เงิน 5,000 บาท และใช้เงินค่าดอกเบี้ยคิดตั้งแต่วันผิดนัดถึงวันฟ้องเป็นเงิน 560 บาท พร้อมทั้งค่าดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน 5,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะคืนสร้อยหรือชำระเงินแก่โจทก์เสร็จ
จำเลยให้การว่าได้ยืมสร้อยคอและสร้อยข้อมือตามฟ้องไปจากโจทก์จริง แต่จำเลยได้ชำระราคาทรัพย์ที่ยืมให้โจทก์หมดสิ้นแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นเชื่อว่าจำเลยชำระราคาทรัพย์ที่ยืมให้โจทก์เพียง 2,350 บาทจำเลยคงเป็นหนี้โจทก์อีก 2,650 บาท พิพากษาให้จำเลยใช้เงินจำนวน 2,650 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่จำเลยผิดนัด
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง จึงไม่รับฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงและรับฎีกาจำเลยในประเด็นการรับฟังพยานซึ่งศาลชั้นต้นเห็นว่าเป็นปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยคืนสร้อยราคา 5,000บาท ที่ยืมไปหรือให้ใช้ราคาพร้อมทั้งดอกเบี้ยนับจากวันผิดนัดถึงวันฟ้องอีก650 บาท จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์เกินกว่า 5,000 บาท หาต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ ส่วนที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาจำเลยว่าเป็นปัญหาข้อกฎหมายในประเด็นการรับฟังพยานนั้น ความจริงจำเลยฎีกาว่าพยานหลักฐานจำเลยควรฟังได้ว่า จำเลยชำระหนี้ให้โจทก์เสร็จสิ้นแล้วเป็นการเถียงว่า ควรรับฟังคำพยานอย่างไร เป็นการโต้เถียงในปัญหาข้อเท็จจริงเมื่อฎีกาจำเลยไม่ต้องห้าม และศาลชั้นต้นก็สั่งรับฎีกามาแล้ว แม้จะใช้คำว่าสั่งรับในปัญหาข้อกฎหมาย ก็หาได้ผูกมัดศาลฎีกาให้จำต้องถือตามไปด้วยไม่ แล้วศาลฎีกาได้วินิจฉัยในปัญหาข้อเท็จจริงว่าจำเลยชำระราคาทรัพย์ที่ยืมให้โจทก์แล้วรวมเป็นเงิน 2,650 บาท คงค้างชำระอยู่อีก 2,350บาท พิพากษาแก้เป็นให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์จำนวน 2,350 บาท