คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1118/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 ที่ห้ามมิให้ยึดซ้ำนั้นจะต้องเป็นการยึดซ้ำกันในระหว่างเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาด้วยกัน ในทรัพย์รายเดียวกันของลูกหนี้ตามคำพิพากษา
ประมวลรัษฎากร มาตรา 12 เป็นแต่เพียงให้อำนาจพิเศษแก่ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือนายอำเภอที่จะยึดทรัพย์ของผู้ค้างชำระภาษีอากร เพื่อขายทอดตลาดโดยไม่ต้องฟ้องศาลเท่านั้น ไม่ได้บัญญัติห้ามว่า เมื่อยึดมาแล้วมิให้เจ้าหนี้ตามพิพากษาทำการยึด ฉะนั้น เมื่อทรัพย์ที่นายอำเภอยึดไว้ยังไม่ได้ทำการขายทอดตลาดไป เจ้าพนักงานบังคับคดีก็ย่อมยึดเพื่อดำเนินการตามคำสั่งศาลได้ ไม่เป็นการยึดซ้ำ

ย่อยาว

คดีนี้ กรณีเนื่องจากโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้นำยึดที่ดินมีโฉนดของจำเลยที่ ๑ เพื่อขายทอดตลาดนำเงินชำระหนี้แก่โจทก์
ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องคัดค้านว่าจำเลยที่ ๑ ได้ค้างชำระภาษีเงินได้ภาษีการค้าและอากรแสตมป์ต่อรัฐบาลเป็นเงิน ๓,๔๐๒,๐๗.๓๕ บาท อาศัยอำนาจตามประมวลรัษฎากรมาตรา ๑๒ ผู้ร้องคัดค้านที่ ๑ จึงสั่งให้ผู้ร้องคัดค้านที่ ๒ ทำการยึดที่ดินดังกล่าวของจำเลยที่ ๑ เพื่อขายทอดตลาดให้ได้รับชำระหนี้ค่าภาษีอากรค้างตามจำนวนเงินดังกล่าวข้างต้น ดังนั้น การที่โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินที่ผู้ร้องยึดไว้แล้ว จึงเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้เพิกถอนการยึด
โจทก์ยื่นคำร้องว่า โจทก์มีสิทธินำเจ้าพนักงานบังคับคดีทำการยึดที่ดินนั้นได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ขอให้ยกคำร้องคัดค้านของผู้ร้องคัดค้าน
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์มีอำนาจยึดที่พิพาทได้ ให้ยกคำร้องของผู้ร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ ๑ ค้างชำระเงินค่าภาษีเงินได้ ภาษีการค้า อากรแสตมป์ต่อรัฐ เป็นจำนวนเงิน ๓,๔๐๒,๐๑๗.๓๕ บาท ผู้ร้องจึงยึดที่ดินดังกล่าวเมื่อวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๐๗ เพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระค่าภาษีอากรต่อไป ก่อนที่ผู้ร้องจะทำการยึดที่ดินนั้น กล่าวคือเมื่อวันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๐๖ โจทก์ได้ยื่นฟ้องจำเลยที่ ๑, ที่ ๒ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี จำเลยอุทธรณ์และฎีกา ศาลฎีกาพิพากษายืนให้จำเลยใช้เงินโจทก์ จำเลยไม่ชำระตามคำบังคับ ต่อมาวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๐๘ โจทก์จึงขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีและในวันที่ ๒๕ เดือนเดียวกัน โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินดังกล่าวของจำเลยซึ่งผู้ร้องได้ยึดไว้ก่อนแล้ว แต่ยังไม่ทันได้นำออกขายทอดตลาด
ปัญหาที่ว่าผู้ร้องได้ยึดที่พิพาทของจำเลยโดยอาศัยอำนาจตามประมวลรัษฎากร มาตรา ๑๒ ไว้แล้ว โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินดังกล่าวเพื่อนำเงินชำระหนี้ตามคำพิพากษาได้อีกหรือไม่นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๙๐ ที่ห้ามมิให้ยึดซ้ำนั้น จะต้องเป็นกรณียึดซ้ำกันในระหว่างเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาด้วยกันในทรัพย์รายเดียวกันของลูกหนี้ตามคำพิพากษา ส่วนการที่ผู้ร้องคัดค้านที่ ๒ ได้ยึดที่ดินรายนี้ไว้ก่อนแล้ว เป็นการยึดโดยอาศัยอำนาจตามประมวลรัษฎากร มาตรา ๑๒ ไม่ใช่การยึดโดยเจ้าพนักงานบังคับคดีซึ่งได้ยึดอายัดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาเจ้าพนักงานบังคับคดีจึงทำการยึดได้ ไม่เป็นการยึดซ้ำ ประมวลรัษฎากร มาตรา ๑๒ เป็นแต่เพียงให้อำนาจพิเศษแก่ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือนายอำเภอที่จะยึดทรัพย์ของผู้ค้างชำระภาษีอากรเพื่อขายทอดตลาดโดยไม่ต้องฟ้องศาลเท่านั้นไม่ได้บัญญัติว่า เมื่อยึดมาแล้วมิให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาทำการยึด ฉะนั้น เมื่อทรัพย์ที่นายอำเภอยึดไว้ยังไม่ได้ทำการขายทอดตลาดไป เจ้าพนักงานบังคับคดีก็ย่อมทำการยึดเพื่อดำเนินการตามคำสั่งศาลได้
พิพากษายืน

Share