แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยทั้งสี่ร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำนวน 10,000 เม็ด ให้แก่สายลับ แม้โจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องว่า เมทแอมเฟตามีนจำนวนดังกล่าวมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์เท่าใด แต่โจทก์บรรยายฟ้องว่าเมทแอมเฟตามีนของกลางจำนวน 50,000 เม็ด ที่จำเลยทั้งสี่ร่วมกันมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายมีน้ำหนัก 4,573.015 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 574.911 กรัม ซึ่งคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์เกินหนึ่งร้อยกรัม อันเป็นการบรรยายฟ้องให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสอง (เดิม), 66 วรรคสอง (เดิม) และเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยทั้งสี่ร่วมกันจำหน่ายจำนวน 10,000 เม็ด เป็นส่วนหนึ่งของเมทแอมเฟตามีนจำนวน 50,000 เม็ด ที่โจทก์บรรยายฟ้องมาครบองค์ประกอบความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสอง (เดิม), 66 วรรคสอง (เดิม) และตามรายงานการตรวจพิสูจน์เมทแอมเฟตามีนของกลาง ซึ่งจำเลยทั้งสี่มิได้นำสืบโต้แย้งคัดค้าน เมทแอมเฟตามีนของกลางจำนวน 50,000 เม็ด ตรวจพบปริมาณเมทแอมเฟตามีนไฮไดรคลอไรด์คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 574.911 กรัม และมีเมทแอมเฟตามีนของกลางที่เหลือจากการตรวจพิสูจน์ 4.530 กรัม ปริมาณสารบริสุทธิ์ของเมทแอมเฟตามีนตามรายงานการตรวจพิสูจน์ดังกล่าว เป็นการนำเมทแอมเฟตามีนบางส่วนตรวจพิสูจน์หาปริมาณสารบริสุทธิ์แล้วจึงนำผลที่ได้มาคำนวณหาปริมาณสารบริสุทธิ์ของเมทแอมเฟตามีนของกลางจำนวน 5,000 เม็ด ซึ่งสอดคล้องกับบทบัญญัติของ พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 ที่กำหนดปริมาณสารบริสุทธิ์ของยาเสพติดให้โทษโดยการคำนวณ เมื่อเมทแอมเฟตามีนจำนวน 10,000 เม็ด เป็นส่วนหนึ่งของเมทแอมเฟตามีนจำนวน 50,000 เม็ดของกลางจึงคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ของเมทแอมเฟตามีนจำนวน 10,000 เม็ดดังกล่าวได้เช่นเดียวกันว่าคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 114.982 กรัม ซึ่งเกินกว่าร้อยกรัม โดยไม่มีข้อสงสัยว่าเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวอาจมีส่วนผสมที่แตกต่างกับเมทแอมเฟตามีนส่วนอื่นที่จะทำให้ปริมาณสารบริสุทธิ์คำนวณได้ไม่ถึงหนึ่งร้อยกรัม กรณีจึงลงโทษจำเลยทั้งสี่ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสอง (เดิม), 66 วรรคสอง (เดิม) ซึ่งความผิดตามมาตรานี้มีโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือประหารชีวิต ที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสี่ฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนคนละ 15 ปี จึงไม่ถูกต้อง ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 แต่โจทก์มิได้ฎีกาในปัญหาดังกล่าว ศาลฎีกาไม่อาจลงโทษจำคุกเกินกว่าที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาได้ เพราะจะเป็นการพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลยทั้งสี่ซึ่งต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา 212 ประกอบ มาตรา 225
ย่อยาว
โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 102 และริบเมทแอมเฟตามีนกับสกอตเทปของกลาง
จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพว่า มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเพียง 10,000 เม็ด
จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า พยานโจทก์เป็นผู้ร่วมจับกุมจำเลยทั้งสี่พร้อมเมทแอมเฟตามีนของกลาง ทั้งเป็นเจ้าพนักงานผู้ปฏิบัติการตามหน้าที่ ไม่เคยรู้จักหรือมีเหตุระแวงสงสัยว่าจะปรักปรำจำเลยทั้งสี่ คำเบิกความมีสาระสำคัญเชื่อมโยงเหตุการณ์มีเหตุผลสอดคล้องต้องกัน จึงมีน้ำหนักรับฟัง ประกอบกับจำเลยทั้งสี่ก็ให้การรับสารภาพในชั้นจับกุม เชื่อว่ารับสารภาพโดยสมัครใจ ฟังได้ว่าจำเลยทั้งสี่ร่วมกันกระทำความผิดตามฟ้อง พิพากษาว่า จำเลยทั้งสี่มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสอง, 66 วรรคหนึ่ง การกระทำของจำเลยทั้งสี่เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ความผิดฐานมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ให้จำคุกตลอดชีวิต ความผิดฐานจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ให้จำคุกตลอดชีวิต จำเลยทั้งสี่ให้การรับสารภาพในชั้นจับกุม เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา นับเป็นเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 คงจำคุกกระทงละ 33 ปี 4 เดือน แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว คงจำคุกคนละ 50 ปี ริบเมทแอมเฟตามีนและสกอตเทปของกลาง
จำเลยทั้งสี่อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า พยานโจทก์เป็นเจ้าพนักงานของรัฐ ปฏิบัติการไปตามหน้าที่ ทั้งเป็นผู้ร่วมจับกุมจำเลยทั้งสี่ โดยพยานเบิกความเป็นลำดับขั้นตอนนับแต่สืบทราบว่ามีการลักลอบจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน การวางแผนจับกุม การสืบสวนขยายผลจนจับกุมจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 โดยมีวัตถุพยานและพยานเอกสารเชื่อมโยงระหว่างจำเลยทั้งสี่อย่างไม่ขาดตอน เชื่อได้ว่าจำเลยทั้งสี่ร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนตามฟ้อง และเนื่องจากมีการยกเลิกพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 โดยให้ใช้ข้อความใหม่แทน จึงต้องใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่จำเลยทั้งสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 และสมควรแก้ไขโทษในความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้เหมาะสมสอดคล้องกับบทกฎหมายที่แก้ไขใหม่ พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสี่มีความผิดฐานร่วมกันมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสอง (เดิม), 66 วรรคสอง (เดิม) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 กระทงหนึ่ง และฐานร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง (เดิม), 66 วรรคหนึ่ง (ที่แก้ไขใหม่) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ให้จำคุกคนละ 15 ปี อีกกระทงหนึ่ง ลดโทษให้จำเลยที่ 1 กึ่งหนึ่ง และลดโทษให้จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 คนละหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 7 ปี 6 เดือน จำคุกจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 คนละ 10 ปี เมื่อรวมกับโทษในความผิดกระทงแรกตามที่ศาลชั้นต้นกำหนดแล้ว เป็นจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 40 ปี 10 เดือน จำคุกจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 คนละ 43 ปี 4 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสี่ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสี่ร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำนวน 10,000 เม็ด ให้แก่สายลับ แม้โจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องว่า เมทแอมเฟตามีนจำนวนดังกล่าวมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์เท่าใด แต่โจทก์บรรยายฟ้องมาแล้วว่าเมทแอมเฟตามีนของกลางจำนวน 50,000 เม็ด ที่จำเลยทั้งสี่ร่วมกันมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายมีน้ำหนัก 4,573.015 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 574.911 กรัม ซึ่งคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์เกินหนึ่งร้อยกรัม อันเป็นการบรรยายฟ้องให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสอง (เดิม), 66 วรรคสอง (เดิม) แล้ว และเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยทั้งสี่ร่วมกันจำหน่ายจำนวน 10,000 เม็ด เป็นส่วนหนึ่งของเมทแอมเฟตามีนจำนวน 50,000 เม็ด ที่โจทก์บรรยายฟ้องมาครบองค์ประกอบความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสอง (เดิม), 66 วรรคสอง (เดิม) และตามรายงานการตรวจพิสูจน์เมทแอมเฟตามีนของกลาง ซึ่งจำเลยทั้งสี่มิได้นำสืบโต้แย้งคัดค้าน เมทแอมเฟตามีนของกลางจำนวน 50,000 เม็ด ตรวจพบปริมาณเมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 574.911 กรัม และมีเมทแอมเฟตามีนของกลางที่เหลือจากการตรวจพิสูจน์ 4.530 กรัม ปริมาณสารบริสุทธิ์ของเมทแอมเฟตามีนตามรายงานการตรวจพิสูจน์ดังกล่าวเห็นว่าเป็นการนำเมทแอมเฟตามีนบางส่วนตรวจพิสูจน์หาปริมาณสารบริสุทธิ์แล้วจึงนำผลที่ได้มาคำนวณหาปริมาณสารบริสุทธิ์ของเมทแอมเฟตามีนของกลางจำนวน 50,000 เม็ด ซึ่งสอดคล้องกับบทบัญญัติของพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ที่กำหนดปริมาณสารบริสุทธิ์ของยาเสพติดให้โทษโดยการคำนวณ เมื่อเมทแอมเฟตามีนจำนวน 10,000 เม็ด เป็นส่วนหนึ่งของเมทแอมเฟตามีนจำนวน 50,000 เม็ด ของกลาง จึงคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ของเมทแอมเฟตามีนจำนวน 10,000 เม็ด ดังกล่าวได้เช่นเดียวกันว่าเป็นสารบริสุทธิ์ 114.982 กรัม ซึ่งเกินกว่าร้อยกรัมโดยไม่มีข้อสงสัยว่าเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวอาจมีส่วนผสมที่แตกต่างกับเมทแอมเฟตามีนส่วนอื่นที่จะทำให้ปริมาณสารบริสุทธิ์คำนวณได้ไม่ถึงหนึ่งร้อยกรัม กรณีจึงลงโทษจำเลยทั้งสี่ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสอง (เดิม), 66 วรรคสอง (เดิม) ซึ่งความผิดตามมาตรานี้มีโทษจำคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิต ที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสี่ฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนคนละ 15 ปี จึงไม่ถูกต้อง ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 แต่โจทก์มิได้ฎีกาในปัญหาดังกล่าว ศาลฎีกาไม่อาจลงโทษจำคุกเกินกว่าที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาได้ เพราะจะเป็นการพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลยทั้งสี่ ซึ่งต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212 ประกอบ มาตรา 225
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสี่มีความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสอง (เดิม), 66 วรรคสอง (เดิม) นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์