แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยได้กล่าวว่า “ไม่ยุติธรรม” และนำความไปบอกเล่าบุคคลที่ 3 ว่า “พวกผมได้รับผ้าเก่า ๆ ขาด ๆ ทั้งนั้น ส่วนผ้าดี ๆ ใหม่ ๆ ปลัดกับกำนันเอาไปหมด ฯลฯ” นั้น เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าเจ้าหน้าที่แจกผ้าให้แก่ราษฎรผู้ประสบวาตภัยไม่รัดกุมขาดความเป็นระเบียบเรียบร้อย เป็นพฤติการณ์ทีมีช่องทางให้ราษฎรทั่ว ๆไปคิดเห็นไปได้โดยสุจริตใจว่า การกระทำของเจ้าหน้าที่ในการแจกเสื้อผ้านั้นไม่ได้ทำไปโดยเที่ยงธรรม การกระทำของจำเลยเป็นการแสดงความคิดเห็นของตนโดยสุจริต ติชมด้วยความเป็นธรรมซึ่งบุคคลอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำ กรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายอาญามาตรา 324(3) จำเลยไม่มีความผิด
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำผิดกฎหมายหลายบทหลายกระทง ต่างกรรมต่างวาระกันคือ :-
ก.เมื่อวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๐๔ จำเลยที่ ๑ ได้บังอาจกล่าวดูหมิ่นนายทวี ถาวะระ ปลัดอำเภอเมืองซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายว่า “ไม่ยุติธรรม” เพราะเหตุที่นายทวีผู้ได้รับแต่งตั้งให้มีหน้าที่แจกเสื้อผ้าแก่ราษฎรผู้ประสบวาตภัยในท้องที่ตำบลโพธิ์เสด็จ อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช นายทวีไม่แจกเสื้อผ้าให้จำเลยเพราะจำเลยไม่มีชื่อในบัญชีสำรวจผู้ได้รับความเสียหายอย่างหนักเนื่องจากประสบวาตภัย
ข.เมื่อวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๐๕ จำเลยที่ ๑,๒,๓,๕,๖ และ ๗ ได้สมคบกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดทางอาญาแก่ร้อยตำรวจตรีกร บุญยง ใจความว่าเจ้าหน้าที่(หมายถึงนายทวี) แจกเสื้อผ้าขาด ๆ แก่ราษฎร ส่วนผ้าดี ๆ เอาไว้เอง
ค.เมื่อวันที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๐๕ จำเลยที่ ๑,๒,๓,๔ ได้สมคบกันกล่าวหมิ่นประมาทใส่ความนายทวี ถาวะระ ต่อบุคคลที่ ๓ โดยประการที่น่าจะทำให้นายทวีเสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง โดยจำเลยกล่าวต่อนายสุรินทร์ มาศดิตถ์ บรรณาธิการหนังสือพิมพ์เสียงราษฎร์ว่า “พวกผมได้รับผ้าเก่า ๆ ขาด ๆ ทั้งนั้น ส่วนผ้าดี ๆ ใหม่ ๆ ปลัดกับกำนันเอาไปหมด ฯลฯ การกล่าวเช่นนี้มีความหมายว่านายทวี ถาวะระ ปลัดอำเภอเมืองแจกผ้าขาดให้ราษฎร ส่วนผ้าใหม่ ๆ ดี ๆ เอาไว้เป็นประโยชน์เสียเอง
ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๓๖,๑๓๗,๑๗๒,๓๒๖,๓๒๘,๘๓
จำเลยให้การต่อสู้ว่า ได้แสดงข้อความโดยสุจริต เพื่อความชอบธรรมความยุติธรรม เพื่อป้องกันส่วนได้ส่วนเสียเกี่ยวกับจำเลยและราษฎรทั่วไป
นายทวี ถาวะระ ยื่นคำร้องขอเป็นโจทก์ร่วม ศาลอนุญาต
ศาลชั้นต้นเห็นว่า คำกล่าวของจำเลยและที่จำเลยนำไปบอกเล่าบรรณาธิการหนังสือพิมพ์นั้น ไม่เป็นการดูหมิ่นเจ้าพนักงานหรือหมิ่นประมาท เพราะเข้ามาตรา ๓๒๕ ส่วนข้อหาแจ้งความเท็จนั้น จำเลยไม่มีเจตนาที่จะร้องเรียนเท็จ จึงไม่มีความผิด พิพากษายกฟ้อง
โจทก์และโจทก์ร่วมอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ร่วมฎีกาว่าการกระทำของจำเลยตามฟ้องข้อ ๑ ก.และ ค. ไม่เข้าข้อยกเว้นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๒๙ ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาเป็นปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่เจ้าพนักงานแจกผ้าให้แก่ราษฎรผู้ประสบวาตภัยไม่รัดกุม ขาดความเป็นระเบียบเรียบร้อยเท่าที่ควร ราษฎรที่ควรได้รับแจกก็ไม่แจกให้ทั้งที่ผ้ายังเหลืออยู่ เจ้าหน้าที่ขนเอาผ้าที่เหลือนั้นไป โดยไม่บอกให้ราษฎรที่มาเฝ้าคอยรับแจกอยู่นั้นรู้ว่าจะเอาไปไหน เป็นพฤติการณ์ที่มีช่องทางกระทำให้ราษฎรทั่ว ๆ ไป คิดเห็นไปได้โดยสุจริตใจว่า การกระทำของเจ้าหน้าที่ในการแจกผ้าแก่ผู้ประสบภัยนั้นไม่ได้ทำไปโดยเที่ยงธรรม จึงได้กล่าวขึ้นว่า ไม่ยุติธรรม และการที่จำเลยได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ฟังนั้น ก็ได้ความว่าเป็นการเล่าไปตามเรื่องราวที่เกิดขึ้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ว่า การกระทำของจำเลยเป็นการแสดงความคิดเห็นของตนโดยสุจริต ติชมด้วยความเป็นธรรมซึ่งบุคคลอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำ กรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายอาญามาตรา๓๒๙(๓) จำเลยไม่มีความผิด พิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์