แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลแรงงานวินิจฉัยว่าผู้ที่มีอำนาจอนุมัติให้โจทก์เกษียณอายุก่อนครบกำหนดได้คือกรรมการผู้จัดการดังนั้นที่ผู้จัดการโรงงานของจำเลยบันทึกลงในคำขอเกษียณอายุก่อนครบกำหนดของโจทก์ว่าเพื่อพิจารณาอนุมัติจึงเป็นการบันทึกเสนอให้กรรมการผู้จัดการพิจารณาเท่านั้นหาใช่เป็นการอนุมัติให้โจทก์เกษียณอายุก่อนครบกำหนดไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2525 จำเลยจ้างโจทก์เข้าทำงานเป็นลูกจ้าง ต่อมาเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2537 โจทก์ได้ขอลาออกและขอเกษียณอายุก่อนครบกำหนด และจำเลยได้อนุมัติแล้วซึ่งเป็นไปตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างฉบับลงวันที่ 9กันยายน 2532 โจทก์จึงมีสิทธิได้รับเงินค่าเกษียนอายุเป็นจำนวน6 เท่าของค่าจ้างอัตราสุดท้ายรวมเป็นเงิน 232,770 บาท โจทก์ได้ทวงถามแล้วแต่จำเลยไม่ยอมชำระ ขอให้บังคับจำเลยจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่โจทก์ลาออกจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างฉบับลงวันที่9 กันยายน 2532 มีผลบังคับใช้ 3 ปี จึงสิ้นผลตั้งแต่วันที่ 9กันยายน 2535 ก่อนที่โจทก์จะลาออกและขอเกษียณอายุก่อนครบกำหนดแล้ว อีกทั้งโจทก์ไม่ได้รับอนุมัติจากผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นในการขอเกษียณอายุก่อนครบกำหนดตามข้อบังคับเกี่ยวกับสภาพการจ้างฉบับเดิม และข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างฉบับใหม่ลงวันที่27 กันยายน 2536 ไม่ได้กำหนดเกี่ยวกับค่าเกษียณอายุก่อนครบกำหนดไว้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะได้รับเงินค่าเกษียณอายุก่อนครบกำหนดจากจำเลย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า การที่โจทก์ทำเรื่องขอเกษียณอายุก่อนครบกำหนดแยกต่างหากจากเรื่องขอลาออก จำเลยจึงแยกพิจารณาอนุมัติให้โจทก์ลาออกก่อนแล้วจึงพิจารณาเรื่องขอเกษียณอายุก่อนครบกำหนดในภายหลังได้ การพิจารณาเรื่องเกษียณอายุก่อนครบกำหนดเป็นดุลพินิจของจำเลยที่จะอนุมัติให้พนักงานผู้ใดมีสิทธิก็ได้ กรณีฟังได้ว่าโจทก์ได้รับอนุมัติให้ลาออกโดยไม่ได้รับอนุมัติให้เกษียณอายุก่อนกำหนด จำเลยจึงไม่ต้องจ่ายเงินค่าเกษียณอายุให้โจทก์พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า ผู้จัดการโรงงานของจำเลยบันทึกลงในเอกสารหมาย จ.3 ว่า เพื่อพิจารณาอนุมัติเป็นการอนุมัติให้โจทก์เกษียณอายุก่อนครบกำหนดหรือไม่ และศาลแรงงานกลางไม่วินิจฉัยประเด็นข้อพิพาทข้อ 1 ชอบหรือไม่ เห็นว่าศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่าผู้ที่มีอำนาจอนุมัติให้โจทก์เกษียณอายุก่อนครบกำหนดได้คือกรรมการผู้จัดการ ดังนั้น ที่ผู้จัดการโรงงานของจำเลยบันทึกลงในคำขอเกษียณอายุก่อนครบกำหนดของโจทก์ตามเอกสารหมายจ.3 ว่า เพื่อพิจารณาอนุมัติ จึงเป็นการบันทึกเสนอให้กรรมการผู้จัดการพิจารณาเท่านั้นหาใช่เป็นการอนุมัติให้โจทก์เกษียณอายุก่อนครบกำหนดตามที่โจทก์อุทธรณ์ไม่ เมื่อฟังไม่ได้ว่าจำเลยอนุมัติให้โจทก์เกษียณอายุก่อนครบกำหนดจึงไม่จำต้องวินิจฉัยในประเด็นข้อพิพาทข้อ 1 ที่ว่า ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างลงวันที่ 9 กันยายน 2532 ในเรื่องลูกจ้างขอเกษียณอายุก่อนครบกำหนดมีผลใช้บังคับได้หรือไม่อีกต่อไป เพราะถึงแม้จะวินิจฉัยว่าข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างดังกล่าวยังมีผลใช้บังคับก็ไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไป
พิพากษายืน