แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
บุตรโจทก์กับบุตรจำเลยเป็นเพื่อนกันได้พากันขับรถพาเพื่อนออกไปเที่ยวโดยมีบุตรโจทก์เป็นผู้ขับ หลังจากพาเพื่อนกลับมาแล้วบุตรโจทก์ได้ขับรถออกไปกับบุตรจำเลยอีก โดยจำเลยไม่ทราบและไม่มีพฤติการณ์ใดที่ส่อแสดงให้เห็นว่าบุตรจำเลยจะทำหน้าที่ขับรถแทนบุตรโจทก์ หลังจากนั้นบุตรจำเลยโดยความประมาทเลินเล่อขับรถโจทก์ไปประสบอุบัติเหตุเสียหาย พฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าจำเลยได้ใช้ความระมัดระวังดูแลบุตรจำเลยตามสมควรแก่หน้าที่ในขณะนั้นแล้ว จำเลยไม่ต้องร่วมรับผิดกับบุตรผู้เยาว์ด้วย
แม้จำเลยจะไม่ต้องร่วมรับผิดกับบุตรผู้เยาว์ในผลแห่งละเมิดที่บุตรผู้เยาว์กระทำลงเพราะจำเลยได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลซึ่งทำอยู่นั้นก็ตาม แต่เมื่อปรากฏว่าหลังจากเกิดเหตุจำเลยได้ไปตกลงยินยอมชดใช้ค่าเสียหายอันเกิดจากการที่บุตรจำเลยทำละเมิดต่อพนักงานสอบสวน แสดงว่าจำเลยยอมรับผิดชดใช้ค่าเสียหายในการทำละเมิดของบุตรจำเลย ข้อตกลงดังกล่าวจึงผูกพันจำเลย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า นายเขตภูมิ แดงโสภณ อายุ ๑๙ ปี ผู้เยาว์ซึ่งเป็นบุตรอยู่ในความปกครองของจำเลย ได้ขับรถยนต์ของโจทก์ไปธุรกิจส่วนตัว นายเขตภูมิขับรถไปตามถนนสายสุพรรณบุรี-อ่างทอง ด้วยความเร็วสูงและในขณะเมาสุราเป็นเหตุให้ชนรถบรรทุกซึ่งขับสวนทางมา เป็นเหตุให้รถยนต์โจทก์เสียหาย จำเลยในฐานะมารดาผู้แทนโดยชอบธรรมของนายเขตภูมิผู้เยาว์ต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์จำนวน ๔๗,๙๙๓ บาท ซึ่งจำเลยยอมรับชดใช้ตามบันทึกของพนักงานสอบสวน โจทก์ทวงถามค่าเสียหายแต่จำเลยผัดผ่อนเสมอมา ขอให้บังคับจำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า วันเกิดเหตุนายบุญทวี เรือนภู่ บุตรโจทก์ชวนนายเขตภูมิบุตรจำเลยไปเที่ยวโดยนายบุญทวีเป็นคนขับรถ จำเลยห้ามก็ไม่เชื่อฟังและไปดื่มสุราจนนายบุญทวีครองสติไม่ได้ จึงให้นายเขตภูมิขับรถแทน จนเกิดเหตุขึ้น จำเลยมิได้ไปด้วยไม่มีโอกาสห้ามนายเขตภูมิมิให้ขับรถ จำเลยไม่ต้องรับผิดและจำเลยไม่เคยตกลงใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ค่าเสียหายไม่เกิน ๓,๐๐๐ บาท ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า จำเลยได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลซึ่งทำอยู่นั้นแล้ว จึงไม่ต้องร่วมรับผิดกับนายเขตภูมิ การที่จำเลยรับว่าจะชดใช้ค่าเสียหายและรับซ่อมให้ตามเอกสารหมาย จ.๑ มิใช่เป็นการรับสารภาพความผิด พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าเอกสารหมาย จ.๑ ถือได้ว่าเป็นข้อสัญญาซึ่งมีมูลหนี้มาจากบุตรจำเลยทำละเมิดจึงต้องผูกพันตามกฎหมาย พิพากษากลับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า กรณีที่ผู้เยาว์ทำละเมิดบิดามารดาย่อมต้องรับผิดร่วมกับผู้เยาว์ด้วย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลซึ่งทำอยู่นั้น ทั้งนี้ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๒๙ ข้อเท็จจริงปรากฏว่านายบุญทวีบุตรโจทก์ขับรถยนต์ของโจทก์พาเพื่อน ๆ ไปเที่ยว ครั้นกลับมาแล้วก็ออกไปอีกกับนายเขตภูมิเพียง ๒ คน บอกว่าจะไปรับประทานข้าวต้ม ไม่มีพฤติการณ์ใดที่ส่อให้เห็นว่านายเขตภูมิจะต้องทำหน้าที่ขับรถแทนนายบุญทวี ที่นายเขตภูมิออกจากบ้านไปกับนายบุญทวีในตอนหลังนี้จำเลยไม่ทราบ พฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าจำเลยใช้ความระมัดระวังดูแลนายเขตภูมิตามสมควรแก่หน้าที่ในขณะนั้นแล้ว แต่ข้อเท็จจริงยังได้ความต่อไปว่าในตอนเช้าวันเกิดเหตุนั้นเอง จำเลยในฐานะมารดาผู้แทนโดยชอบธรรมของนายเขตภูมิได้ตกลงต่อหน้าพนักงานสอบสวนยินยอมใช้ค่าเสียหายและรับซ่อมรถยนต์ให้โจทก์ด้วย ปรากฏตามเอกสารหมาย จ.๑ ซึ่งมีความว่า “ส่วนรถเก๋งยี่ห้อเฟียตหมายเลขทะเบียน ส.พ.๐๗๓๓๐ ซึ่งนางเพ็ญแข เรือนภู่ บ้านเลขที่ ๓๘๑๒ ถนนมาลัยแมน ตำบลท่าพี่เลี้ยง อำเภอเมืองสุพรรณบุรี เป็นเจ้าของรถและได้รับความเสียหายเนื่องจากนายเขตภูมิได้ขับรถยนต์ไปชนกับรถยนต์ของผู้อื่น นางมาริสายินดีจะชดใช้ค่าเสียหายและรับซ่อมให้ โดยนางมาริสากับนางเพ็ญแขได้ตกลงกันเองเรียบร้อยแล้ว” ข้อตกลงดังกล่าวแสดงว่าจำเลยยอมรับผิดชดใช้ค่าเสียหายในการทำละเมิดของนายเขตภูมิ ข้อตกลงดังกล่าวจึงผูกพันจำเลย
พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน ๑๕,๐๐๐ บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ย