แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
แม้จำเลยที่ 2 จะนำยาฆ่าแมลงซึ่งมีสารพิษชนิดมีโธมิล ซึ่งเป็นสารพิษที่มนุษย์หรือสัตว์กินแล้วอาจเป็นอันตราย ถึงชีวิตได้ผสมอยู่ในขวดยาลดไข้แล้วใช้ให้จำเลยที่ 1 นำไปให้ผู้เสียหายดื่มก็ตาม แต่ทางพิจารณาโจทก์นำสืบ ไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 ได้นำเอาสารพิษมีโธมิล ผสมใส่ในขวดยาลดไข้ให้ผู้เสียหายดื่มในปริมาณมากจนอาจทำให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตายหรือไม่ กลับปรากฏเพียงว่า เมื่อผู้เสียหายดื่มยาลดไข้ผสมสารพิษแล้วก็เกิดอาเจียน จำเลยที่ 1ใช้นิ้วล้วงคอให้อาเจียน จนกระทั่ง ส. นำน้ำมาให้ดื่มก็อาเจียนอีกแสดงว่า จำเลยที่ 2 ผสมสารมีโธมิล ในขวดยาลดไข้ ให้ผู้เสียหายดื่มเข้าไปในปริมาณไม่มากทั้งไม่ปรากฏว่า จำเลยที่ 2 เคยมีสาเหตุโกรธเคืองผู้เสียหายมาก่อน ประกอบกับสารพิษมีโธมิล ต้องกินเข้าไปในปริมาณมากพอ จึงจะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ การที่จำเลยที่ 2 เทสารพิษ มีปริมาณไม่มากที่จะทำให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตายได้ จึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 มีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย เชื่อว่าจำเลยที่ 2 มีเพียงเจตนาทำร้ายผู้เสียหาย ให้เจ็บป่วยเพื่อให้ ร. ภริยาจำเลยที่ 2 ซึ่งหนีไปกลับมาหาจำเลยที่ 2 เท่านั้น แม้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ในความผิดฐานพยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนก็ตาม แต่เมื่อข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในทางพิจารณาฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 มีเจตนาเพียง ทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเท่านั้น ศาลย่อมจะลงโทษจำเลยที่ 2 ในความผิดฐานทำร้ายร่างกายได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 2 ใช้และจ้างให้จำเลยที่ 1นำยาฆ่าแมลงที่มีสารพิษชนิดมีโธมิล เจือปนอยู่ซึ่งเป็นสารพิษที่มีอันตรายต่อชีวิตไปให้เด็กชายอิทธิพงษ์ พันธ์เดช ดื่มโดยมีเจตนาฆ่าเด็กชายอิทธิพงษ์ให้ถึงแก่ความตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน แต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผลเนื่องจากเด็กชายอิทธิพงษ์คายยาฆ่าแมลงออกจากปาก และแพทย์ทำการเยียวยารักษาไว้ทันจึงเพียงทำให้เกิดอันตรายแก่กายของเด็กชายอิทธิพงษ์ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 80, 83, 84, 289 และริบของกลาง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (ที่ถูกมาตรา 289(4)), 80, 33จำคุกตลอดชีวิตทางพิจารณาของจำเลยที่ 2 และคำให้การรับสารภาพของจำเลยที่ 2 ในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอย่างมากเป็นเหตุบรรเทาโทษ สมควรลดโทษให้จำเลยที่ 2 กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 คงจำคุก 25 ปี ยกฟ้องจำเลยที่ 1 ริบของกลาง
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นรับฟังเป็นยุติว่า จำเลยที่ 2 ได้นำยาฆ่าแมลงซึ่งมีสารพิษชนิดมีโธมิล ผสมน้ำใส่ในขวดยาลดไข้พาราเซตามอล ชนิดน้ำแล้วใช้ให้จำเลยที่ 1 นำไปให้ผู้เสียหายดื่มที่โรงเรียนบ้านต้องโคกกระแซ คดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 2 ว่าจำเลยที่ 2 กระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่โดยจำเลยที่ 2 ฎีกาว่า จำเลยที่ 2 ไม่ได้มีเจตนาฆ่าผู้เสียหายคงมีเพียงเจตนาทำร้ายผู้เสียหายเท่านั้น เห็นว่า แม้จะตรวจพบสารมีโธมิล ซึ่งเป็นสารพิษที่มนุษย์หรือสัตว์กินแล้วอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ผสมอยู่ในขวดยาลดไข้ที่ผู้เสียหายดื่มก็ตามแต่ทางพิจารณาโจทก์ก็นำสืบไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 ได้นำเอาสารพิษมีโธมิล ผสมใส่ในขวดยาลดไข้พาราเซตามอล ให้ผู้เสียหายดื่มในปริมาณมากจนอาจทำให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตายได้หรือไม่กลับปรากฏจากทางนำสืบของโจทก์เพียงว่า เมื่อผู้เสียหายดื่มยาลดไข้ผสมสารพิษชนิดมีโธมิล แล้วก็เกิดอาเจียน และจำเลยที่ 1ใช้นิ้วล้วงคอให้อาเจียนจนกระทั่งนางสุทธีนำน้ำมาให้ดื่มก็อาเจียนอีก แสดงว่า จำเลยที่ 2 ผสมสารมีโธมิล ในขวดยาลดไข้ให้ผู้เสียหายดื่มเข้าไปในปริมาณไม่มาก นอกจากนี้ก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 เคยมีสาเหตุโกรธเคืองผู้เสียหายมาก่อน ประกอบกับยังได้ความจากรายงานการตรวจพิสูจน์เอกสารหมาย จ.8 ว่าสารพิษมีโธมิล ต้องกินเข้าไปในปริมาณมากพอ จึงจะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ การที่จำเลยที่ 2 เทสารพิษดังกล่าวผสมกับยาลดไข้พาราเซตามอล ให้ผู้เสียหายกิน แสดงว่าสารพิษมีปริมาณไม่มากที่จะทำให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตายได้ ข้อเท็จจริงจึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 มีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย น่าเชื่อว่าจำเลยที่ 2 มีเพียงเจตนาทำร้ายผู้เสียหายให้เจ็บป่วยเพื่อให้นางระออทัยภริยาจำเลยที่ 2 ซึ่งหนีไปจากจำเลยที่ 2กลับมาหาจำเลยที่ 2 ตามที่จำเลยที่ 2 นำสืบเท่านั้น คดีนี้แม้โจทก์จะฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ในความผิดฐานพยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนก็ตามแต่เมื่อข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในทางพิจารณาฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 มีเจตนาเพียงทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเท่านั้น ศาลย่อมจะลงโทษจำเลยที่ 2 ในความผิดฐานทำร้ายร่างกายได้ที่ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำเลยที่ 2ฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 2 ฟังขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 296 ให้จำคุก 3 ปี คำให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1