แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเป็นผู้ที่นายสนองเจ้าของร้านสนองพานิชได้ว่าจ้างให้มาคุ้มครองรักษาความปลอดภัยอยู่ที่ร้านสนองพานิช วันเกิดเหตุผู้ตาย ผู้เสียหายได้เอาอาวุธปืนใส่ถุงกระดาษมาส่งคืนให้แก่ชายจีนที่ทางเท้าหน้าร้านสนองพานิช ก่อนจะส่งถุงปืนให้ ผู้เสียหายดึงอาวุธปืนให้โผล่ออกจากถุงเล็กน้อยให้ชายจีนเห็น แล้วชวนกันไปพูดที่ประตูหน้าร้านสนองพานิช จำเลยแลเห็นเหตุการณ์โดยตลอด จำเลยสำคัญผิดว่าบุคคลทั้งสามเป็นคนร้ายจะเข้าไปยิงประทุษร้ายนายสนอง จำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงไป 3 นัด กระสุนปืนถูกผู้ตายถึงแก่ความตายและถูกผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กาย โดยผู้เสียหายหาได้ชักอาวุธปืนออกมาในอาการที่เห็นว่าจะจ้องยิงประทุษร้ายจำเลยหรือบุคคลในร้านสนองพานิชไม่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 69 การกระทำของจำเลยยังรับฟังไม่ได้ว่าเกิดขึ้นจากความตกใจหรือความกลัว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจใช้อาวุธปืนยิงนายสุขุม สารรักษ์ และนายนิยม ชะตายาน หลายนัดโดยเจตนาฆ่า กระสุนปืนถูกนายสุขุม สารรักษ์ ถึงแก่ความตายและถูกนายนิยม ชะตายาน ได้รับอันตรายแก่กาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 288 ฯลฯ
จำเลยให้การว่า จำเลยสำคัญผิดว่าผู้ตายและผู้บาดเจ็บกับพวกอีกหนึ่งคนเป็นคนร้าย โดยบุคคลทั้งสามมีอาวุธปืนวิ่งจู่โจมเข้ามาในร้าน จำเลยจึงใช้อาวุธปืน ยิงไป 2 นัด เพื่อป้องกันชีวิตและทรัพย์สิน
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80ล 288 เป็นความผิดกรรมเดียว แต่ผิดกฎหมายหลายบท ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 อันเป็นบทหนัก จำคุก 20 ปี ฯลฯ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยกระทำไปเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 69 จำคุก 10 ปี ฯลฯ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้วข้อเท็จจริงฟังได้ว่า นายสุขุม สารรักษ์ ผู้ตายและนายนิยม ชะตายาน ผู้เสียหาย เที่ยวหลอกต้มให้คนมาเล่นการพนันไพ่ 3 ใบ ก่อนเกิดเหตุหนึ่งวันมีชายจีนคนหนึ่งจะเล่นด้วย แต่มีเงินสดเล็กน้อยผู้เสียหายไม่ให้เล่นจึงนัดให้ชายจีนนั้นหาเงินมาเล่นวันรุ่งขึ้น โดยผู้เสียหายขอยึดอาวุธปืนของชายจีนไว้เป็นประกัน วันเกิดเหตุชายจีนมาพบตามนัด แต่ไม่มีเงินมาเล่นและขออาวุธปืนคืน ผู้เสียหายกลับไปเอาอาวุธปืนใส่ถุงกระดาษมาคืนให้ชายจีนที่ทางเข้าหน้าร้านสนองพาณิชก่อนจะส่งถุงปืนให้ ผู้เสียหายดึงอาวุธปืนให้โผล่ออกจากถุงเล็กน้อยให้ชายจีนเห็นแล้วชวนกันไปพูดที่ประตูหน้าร้านสนองพาณิช ก่อนเกิดเหตุประมาณ 5 เดือน มีคนร้ายบุกเข้าไปยิงนายสนอง เพชรวิจิตร เจ้าของร้านสนองพาณิชที่ในร้าน แต่นายสนองแย่งอาวุธปืนคนร้ายไว้ได้ทัน หลังจากนั้นนายสนองได้ว่าจ้างจำเลยให้มาคุ้มครองรักษาความปลอดภัยอยู่ที่ร้านสนองพาณิช ผู้เสียหาย และชายจีนมาส่งมอบอาวุธปืนแก่กันนั้น จำเลยแลเห็นเหตุการณ์โดยตลอด จำเลยสำคัญผิดว่าบุคคลทั้งสามดังกล่าวเป็นคนร้ายจะเข้าไปยิงประทุษร้ายนายสนอง จำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงไป 3 นัด กระสุนปืนถูกผู้ตายถึงแก่ความตาย และถูกผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายดังนี้ ศาลฎีกาเห็นว่าขณะที่ผู้เสียหายส่งถุงกระดาษบรรจุอาวุธปืนคืนให้แก่ชายจีนนั้นผู้เสียหายเพียงแต่ชักอาวุธปืนให้โผล่ขึ้นมาจากปากถุงเล็กน้อยให้ชายจีนเจ้าของอาวุธปืนเห็นว่าใช้อาวุธปืนเท่านั้น ผู้เสียหายได้ชักอาวุธปืนออกมาโดยอาการที่เห็นว่าจะต้องยิงประทุษร้ายจำเลยหรือบุคคลในร้านสนองพาณิชไม่ ที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายและผู้เสียหายถึง 3 นัด เช่นนี้ เป็นการกระทำเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกันตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 69 การกระทำของจำเลยยังรับฟังไม่ได้ว่าเกิดขึ้นจากความตกใจหรือความกลัว แต่ตามพฤติการณ์แห่งคดีสมควรลงโทษจำเลยให้เบาลงกว่าที่ศาลอุทธรณ์กำหนด
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า ให้ลงโทษจำคุกจำเลย5 ปี ฯลฯ