คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1112/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นผู้ที่นายสนองเจ้าของร้านสนองพานิชได้ว่าจ้างให้มาคุ้มครองรักษาความปลอดภัยอยู่ที่ร้านสนองพานิช วันเกิดเหตุ ผู้ตาย ผู้เสียหายได้เอาอาวุธปืนใส่ถุงกระดาษมาส่งคืนให้แก่ชายจีนที่ทางเท้าหน้าร้านสนองพานิช ก่อนจะส่งถุงปืนให้ ผู้เสียดึงอาวุธปืนให้โผล่ออกจากถุงเล็กน้อยให้ชายจีนเห็น แล้วชวนกันไปพูดที่ประตูหน้าร้านสนองพานิช จำเลยแลเห็นเหตุการณ์โดยตลอด จำเลยสำคัญผิดว่าบุคคลทั้งสามเป็นคนร้ายจะเข้าไปยิงประทุษร้ายนายสนอง จำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงไป 3 นัด กระสุนปืนถูกผู้ตายถึงแก่ความตายและถูกผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กาย โดยผู้เสียหายหาได้ชักอาวุธปืนออกมาในอาการที่เห็นว่าจะจ้องยิงประทุษร้ายจำเลยหรือบุคคลในร้านสนองพานิชไม่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 69 การกระทำของจำเลยยังรับฟังไม่ได้ว่าเกิดขึ้นจากความตกใจหรือความกลัว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจใช้อาวุธปืนยิงประทุษร้ายนายสุขุม สารรักษ์ และนายนิยม ชะตายาน หลายนัดโดยเจตนาฆ่า กระสุนปืนถูกนายสุขุม สารรักษ์ ถึงแก่ความตาย และถูกนายนิยม ชะตายาน ได้รับอัตรายแก่กาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๐, ๒๘๘ ฯลฯ
จำเลยให้การว่า จำเลยสำคัญผิดว่าผู้ตายและผู้บาดเจ็บกับพวกอีกหนึ่งคนเป็นคนร้าย โดยบุคคลทั้งสามมีอาวุธปืนวิ่งจู่โจมเข้ามาในร้าน จำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงไป ๒ นัด เพื่อป้องกันชีวิตและทรัพย์สิน
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๐, ๒๘๘ เป็นความผิดกรรมเดียว แต่ผิดกฎหมายหลายบท ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ อันเป็นบทหนัก จำคุก ๒๐ ปี ฯลฯ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยกระทำไปเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๖๙ จำคุก ๑๐ ปี ฯลฯ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้วข้อเท็จจริงฟังได้ว่า นายสุขุม สารรักษ์ ผู้ตายและนายนิยม ชะตายาน ผู้เสียหาย เที่ยวหลอกต้มให้คนมาเล่นการพนันไพ่ ๓ ใบ ก่อนเกิดเหตุหนึ่งวันมีชายจีนคนหนึ่งจะเล่นด้วย แต่มีเงินสดเล็กน้อยผู้เสียหายไม่ให้เล่นจึงนัดให้ชายจีนนั้นหาเงินสดมาเล่นวันรุ่งขึ้น โดยผู้เสียหายขอยึดอาวุธปืนของชายจีนไว้เป็นประกัน วันเกิดเหตุชายจีนมาพบตามนัด แต่ไม่มีเงินมาเล่นและขออาวุธปืนคืนผู้เสียหายกลับไปเอาอาวุธปืนใส่ถุงกระดาษมาคืนให้ชายจีนที่ทางเท้าหน้าร้านสนองพาณิชก่อนจะส่งถุงปืนให้ ผู้เสียหายดึงอาวุธปืนให้โผล่ออกจากถุงเล็กน้อยให้ชายจีนเห็นแล้วชวนกันไปพูดที่ประตูหน้าร้านสนองพานิช ก่อนเกิดเหตุประมาณ ๕ เดือน มีคนร้ายบุกเข้าไปยิงนายสนอง เพชรวิจิตร เจ้าของร้านสนองพานิชที่ในร้าน แต่นายสนองแย่งอาวุธปืนคนร้ายไว้ได้ทัน หลังจากนั้นนายสนองได้ว่าจ้างจำเลยให้มาคอยคุ้มครองรักษาความปลอดภัยอยู่ที่ร้านสนองพานิช ที่ผู้ตาย ผู้เสียหาย และชายจีนมาส่งมอบอาวุธปืนคืนแก่กันนั้น จำเลยแลเห็นเหตุการณ์โดยตลอด จำเลยสำคัญผิดว่าบุคคลทั้งสามดังกล่าวเป็นคนร้ายจะเข้าไปยิงประทุษร้ายนายสนอง จำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงไป ๓ นัด กระสุนปืนถูกผู้ตายถึงแก่ความตาย และถูกผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กาย ดังนี้ ศาลฎีกาเห็นว่าขณะที่ผู้เสียหายส่งถุงกระดาษบรรจุอาวุธปืนคืนให้แก่ชายจีนนั้น ผู้เสียหายเพียงแต่ชักอาวุธปืนให้โผล่ขึ้นมาจากปากถุงเล็กน้อยให้ชายจีนเจ้าของอาวุธปืนเห็นว่าใช่อาวุธปืนเท่านั้น ผู้เสียหายได้ชักอาวุธปืนออกมาโดยอาการที่เห็นว่าจะจ้องประทุษร้ายจำเลยหรือบุคคลในร้านสนองพานิชไม่ ที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายและผู้เสียหายถึง ๓ นัด เช่นนี้ เป็นการกระทำเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๖๙ การกระทำของจำเลยยังรับฟังไม่ได้ว่าเกิดขึ้นจากความตกใจหรือความกลัว แต่ตามพฤติการณ์แห่งคดีสมควรลงโทษจำเลยให้เบาลงกว่าที่ศาลอุทธรณ์กำหนด
พิพากษาแก้คำพิพากษาอุทธรณ์เป็นว่า ให้ลงโทษจำคุกจำเลย ๕ ปี ฯลฯ

Share