คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11097/2556

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองจ้างโจทก์เป็นลูกจ้าง จำเลยทั้งสองให้การเพียงว่า ความสัมพันธ์ระหว่างโจทก์และจำเลยที่ 1 ไม่ใช่การจ้างแรงงาน โจทก์ไม่ใช่ลูกจ้าง จึงไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยเรียกร้องเงินตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 และประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ต่อศาลแรงงานภาค 5 คำให้การของจำเลยทั้งสองเป็นการยกข้อต่อสู้เพื่อให้ศาลแรงงานภาค 5 วินิจฉัยในเนื้อหาแห่งคดีว่าจำเลยทั้งสองกับโจทก์ไม่มีนิติสัมพันธ์เป็นนายจ้างลูกจ้างกัน โจทก์ซึ่งไม่ใช่ลูกจ้างจึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกร้องเงินจากจำเลยทั้งสองต่อศาลแรงงานภาค 5 คำให้การของจำเลยทั้งสองไม่ใช่การอ้างเหตุหรือโต้แย้งอำนาจการพิจารณาพิพากษาคดีของศาลแรงงานตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 9

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองจ่ายค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม 900,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้อง ค่าจ้างค้างจ่าย 140,000 บาท ค่าชดเชย 150,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันฟ้อง และค่าจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า 195,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การและแก้ไขคำให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานภาค 5 พิพากษาให้จำเลยทั้งสองจ่ายค่าชดเชย 150,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันฟ้อง (วันที่ 24 พฤศจิกายน 2549) ค่าจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า 150,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่จำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดเป็นการส่วนตัว คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ที่จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ว่าสัญญาเอกสารหมาย ล. 3 และ จ. 1 มิใช่สัญญาจ้างแรงงานตามกฎหมายแรงงานและประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ศาลแรงงานภาค 5 ไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษา ในการดำเนินกระบวนพิจารณาจะต้องส่งสำนวนให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางวินิจฉัยในปัญหาดังกล่าวก่อนนั้น เห็นว่า คดีนี้จำเลยทั้งสองให้การเพียงว่าความสัมพันธ์ระหว่างโจทก์และจำเลยที่ 1 มิใช่การจ้างแรงงาน โจทก์ไม่ใช่ลูกจ้างตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานและประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องคดีจำเลยเพื่อเรียกร้องเงินตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานและตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ต่อศาลนี้ได้นั้น คำให้การของจำเลยทั้งสองเป็นการยกข้อต่อสู้เพื่อให้ศาลแรงงานภาค 5 วินิจฉัยในเนื้อหาแห่งคดีว่าจำเลยทั้งสองกับโจทก์ไม่มีนิติสัมพันธ์เป็นนายจ้างลูกจ้างกัน โจทก์ซึ่งไม่ใช่ลูกจ้างไม่มีสิทธิฟ้องเรียกร้องเงินจากจำเลยทั้งสองต่อศาลแรงงานภาค 5 คำให้การของจำเลยทั้งสองจึงมิใช่การอ้างเหตุหรือโต้แย้งอำนาจการพิจารณาพิพากษาคดีของศาลแรงงานตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 9 ไม่จำต้องส่งให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางวินิจฉัย อุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share