คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1268/2515

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยสี่คนกับพวกที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง มีอาวุธเข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้กัน จนเป็นเหตุให้มีบุคคลถึงแก่ความตายสองคนและได้รับอันตรายสาหัสอีกคนหนึ่ง ผู้ตายคนหนึ่งถึงแก่ความตายเพราะถูกจำเลยที่ 1 และที่ 2 ยิงในการชุลมุนต่อสู้กันนั้นเช่นนี้ เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทคือ จำเลยทุกคนผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 294, 299, 83 เฉพาะจำเลยที่ 1 และที่ 2 มีความผิดตามมาตรา 288 อีกบทหนึ่งซึ่งจะต้องลงโทษจำเลยสองคนนี้ตามมาตรา 288 ซึ่งเป็นบทที่ มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90
ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 และที่ 2เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน เป็นการไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาพิพากษาแก้ให้ถูกต้องได้ (แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสี่ในคดีนี้กับพวกที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้องฝ่ายหนึ่ง กับนายช้อย พันธุรัตน์ นายชด พันธุรัตน์ กับพวกที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้องอีกฝ่ายหนึ่ง เข้าร่วมชุลมุนต่อสู้กันเป็นเหตุให้นายช้อย พันธุรัตน์ และนายชด พันธุรัตน์ ถูกยิงและถูกแทงถึงแก่ความตาย และนายสง่า อ่อมพยัพ ซึ่งมิได้เข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้นั้นด้วยถูกกระสุนปืนของผู้เข้าร่วมชุลมุนต่อสู้ถึงบาดเจ็บสาหัสและในการชุลมุนต่อสู้กันนี้ จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 กับพวก ได้ร่วมกันใช้ปืนยิงนายช้อย จำเลยที่ 4 ใช้มีดปลายแหลมแทงนายชดโดยเจตนาฆ่า เป็นเหตุให้นายช้อยและนายชดถึงแก่ความตายในที่เกิดเหตุนั้นเอง ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 294, 299, 288, 83, 90, 91

จำเลยปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยทั้งสี่ได้เข้าร่วมชุลมุนต่อสู้จนเป็นเหตุให้มีคนตายและบาดเจ็บสาหัส และฟังว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นคนใช้ปืนยิงนายช้อยถึงแก่ความตายพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 294, 299, 288, 83 ให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 288 ซึ่งเป็นบทหนัก ส่วนจำเลยที่ 3 และที่ 4 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 294, 299, 83 ให้ลงโทษตามมาตรา 294 ซึ่งเป็นบทหนัก

จำเลยที่ 1 และที่ 2 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 มีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา และฐานร่วมชุลมุนในการต่อสู้เป็นเหตุให้คนตายและบาดเจ็บสาหัส ซึ่งเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 294, 299 กระทงหนึ่ง และความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 83 อีกกระทงหนึ่ง ให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามมาตรา 288, 83ซึ่งเป็นกระทงหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 นอกจากที่แก้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยที่ 1 และที่ 2 ฎีกาต่อมาว่า ไม่ได้ใช้ปืนยิงนายช้อยผู้ตายโดยเจตนาฆ่าจำเลยจึงควรมีความผิดฐานเข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้ระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไป เป็นเหตุให้มีบุคคลถึงแก่ความตายโดยการกระทำในการชุลมุนต่อสู้นั้นเท่านั้น

ศาลฎีกาพิจารณาแล้วฟังข้อเท็จจริงตามศาลล่างทั้งสองว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้เข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้ตามฟ้อง จนเป็นเหตุให้คนตายและบาดเจ็บสาหัส และจำเลยที่ 1 ที่ 2 เป็นคนยิงนายช้อยถึงแก่ความตาย แต่เห็นว่าที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยทั้งสองนี้เป็นการกระทำต่างกรรมกันระหว่างความผิดฐานเข้าร่วมชุลมุน ในการต่อสู้เป็นเหตุให้คนตายและบาดเจ็บสาหัส กับความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนานั้น ศาลฎีกาเห็นว่า หาต่างกรรมกันไม่เพราะความผิดที่จำเลยทั้งสองก่อขึ้นในคดีนี้เกิดขึ้นจากการที่จำเลยทั้งสองเข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้ระหว่างบุคคลตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป และในการเข้าร่วมชุลมุนนั้นเอง จำเลยทั้งสองได้เป็นผู้ฆ่านายช้อย กับยังมีนายชดถึงแก่ความตาย และนายสง่าได้รับอันตรายสาหัสด้วย การที่นายช้อยถูกจำเลยฆ่าตาย และนายชดถึงแก่ความตาย กับนายสง่าได้รับอันตรายสาหัส จึงเกิดขึ้นเพราะมีการชุลมุนต่อสู้กันนั่นเอง จะแยกเอาการที่จำเลยทั้งสองฆ่านายชดเป็นอีกกรรมหนึ่งต่างหากจากการที่จำเลยทั้งสองเข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้หาชอบไม่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90

พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 294, 299, 288 และ 83 ให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 288 ซึ่งเป็นบทหนัก

Share