คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1109/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การแห่นาคไปวัดเพื่อจะทำการอุปสมบท เป็นการกระทำตามประเพณีนิยมของชนบางหมู่ยังไม่ถึงขั้นกระทำพิธีกรรมทางศาสนา ตามความหมายใน ม.173

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าขณะที่ศาสนิกชนกำลังประชุมกันกระทำพิธีแห่นาครวม 6 นาคไปตามถนนหลวง อันเป็นพิธีกรรมอย่างหนึ่งตามลัทธิพุทธศาสนาเพื่อทำการอุปสมบทนาคทั้ง 6 นาคเป็นพระภิกษุ ณ วัดเชิงแสเหนือจำเลยได้บังอาจเมาสุรา ประพฤติกิริยาอาการวุ่นวายขึ้นในท้องถนนหลวงและในที่สาธารณสถาน และจำเลยได้ชักอาวุธมีดออกมาร่ายรำไล่แทงผู้คนในขบวนแห่นาคเป็นที่หวาดเสียวแก่สาธารณชน และออกมาสกัดขวางหน้าขบวนแห่นาค แล้วจำเลยได้ใช้น้ำโคลนซึ่งเป็นของโสโครกสาดปาเข้าไปในหมู่ศาสนิกชนดังกล่าวทำให้เกิดความวุ่นวายแตกตื่นขึ้นในที่ประชุมนั้น

จำเลยรับสารภาพตามฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 335(2) พระราชบัญญัติแก้ไขเปลี่ยนแปลง กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 335 ข้อ 2 มาตรา 1 กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 335(13), 338(1) ลดตาม มาตรา 59 แล้วรวมโทษทุกกะทงปรับ 30 บาท ค่าปรับจัดการตาม มาตรา 18 ส่วนที่ขอให้ลงโทษตาม มาตรา 173 ฐานก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในเวลาศาสนิกชนประชุมกันทำพิธีกรรมตามลัทธิศาสนานั้นให้ยก

โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 133 ด้วย

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาว่าข้อวินิจฉัยในชั้นนี้คงมีว่า การแห่นาคไปตามถนนหลวงเป็นการประชุมกระทำพิธีกรรมตามลัทธิศาสนาของพุทธศาสนิกชนที่บัญญัติไว้ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 173 หรือไม่ศาลฎีกาเห็นว่าการแห่นาคไปวัดเพื่อจะทำการอุปสมบท เป็นการกระทำตามประเพณีนิยมของชนบางหมู่ ยังไม่ถึงขั้นกระทำพิธีกรรมทางศาสนาตามความหมายแห่งตัวบท จำเลยยังไม่มีผิดในฐานนี้

ศาลฎีกาพิพากษายืน

Share