คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11087/2554

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลย ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนเพื่อตระเตรียมการและเพื่อความสะดวกในการชิงทรัพย์ ลงโทษประหารชีวิต ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 1 ปี ฐานร่วมกันพาอาวุธปืนและมีด จำคุก 6 เดือน รวมทุกกระทงคงให้ประหารชีวิต จำเลยไม่อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นส่งสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์ภาค 7 ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 245 วรรคสอง ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาแก้ ลดโทษให้จำเลยกึ่งหนึ่งตาม ป.อ. มาตรา 78 ประกอบมาตรา 52 (2) รวมทุกกระทงคงให้จำคุกตลอดชีวิต เป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาแก้เฉพาะโทษที่ลงแก่จำเลยในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน อันเป็นการแก้ไขเล็กน้อย และให้ลงโทษจำคุกจำเลยเกินห้าปี จึงต้องห้ามมิให้โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคสอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 289, 339, 340 ตรี, 371, 83, 91 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ และริบอาวุธปืน ปลอกกระสุนปืน ลูกกระสุนปรายและด้ามมีดของกลาง ให้จำเลยคืนเงิน 144,000 บาท กระเป๋าใส่สตางค์ 1 ใบ ที่ยังไม่ได้คืนหรือชดใช้ราคา 2,000 บาท แก่นางนงลักษณ์ภริยาผู้ตาย
จำเลยให้การรับสารภาพ
ระหว่างพิจารณา นางนงลักษณ์ ภริยานายวุฒิชัย ผู้ตาย ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต (ที่ถูก เฉพาะข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนเพื่อตระเตรียมการเพื่อความสะดวกในการชิงทรัพย์ และร่วมกันชิงทรัพย์โดยมีหรือใช้อาวุธปืนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (4) (6), 339 วรรคท้าย, 340 ตรี, 371 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสอง ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนเพื่อตระเตรียมการเพื่อความสะดวกในการชิงทรัพย์และฐานร่วมกันชิงทรัพย์โดยมีหรือใช้อาวุธปืนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย เป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนเพื่อตระเตรียมการและเพื่อความสะดวกในการชิงทรัพย์อันเป็นบทหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ลงโทษประหารชีวิต ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 1 ปี ฐานร่วมกันพาอาวุธปืนและมีดไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 ซึ่งเป็นบทหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 6 เดือน เมื่อลงโทษประหารชีวิตจำเลยในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนเพื่อตระเตรียมการและเพื่อความสะดวกในการชิงทรัพย์แล้ว ไม่อาจนำโทษจำคุกในความผิดกระทงอื่นของจำเลยมารวมอีกได้ คำให้การรับสารภาพของจำเลยไม่เป็นการให้ความรู้แก่ศาล ไม่เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ไม่ลดโทษให้ คงให้ลงโทษประหารชีวิตจำเลยสถานเดียว ริบอาวุธปืน ปลอกกระสุนปืนลูกกระสุนปรายและด้ามมีดของกลาง ให้จำเลยคืนเงิน 144,000 บาท กระเป๋าใส่สตางค์1 ใบ หรือชดใช้ราคา 2,000 บาท ที่ยังไม่ได้คืนแก่โจทก์ร่วม
โจทก์ โจทก์ร่วม และจำเลยไม่อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นส่งสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์ภาค 7 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245 วรรคสอง
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 52 (2) ความผิดฐานฆ่าผู้อื่นในเหตุฉกรรจ์ จำคุกตลอดชีวิต ฐานมีอาวุธปืน จำคุก 6 เดือน ฐานพาอาวุธปืน จำคุก 3 เดือน เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว คงให้จำคุกตลอดชีวิตตามมาตรา 91 (3) นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ร่วมฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่าจำเลยได้กระทำความผิดตามฟ้องจริง ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เพื่อตระเตรียมการและเพื่อความสะดวกในการชิงทรัพย์ ลงโทษประหารชีวิต ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 1 ปี ฐานร่วมกันพาอาวุธปืนและมีด จำคุก 6 เดือน โดยไม่ลดโทษให้ รวมทุกกระทงคงให้ประหารชีวิต แต่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาแก้โดยลดโทษให้จำเลยกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 52 (2) รวมทุกกระทงคงให้จำคุกตลอดชีวิต โจทก์ร่วมฎีกาว่าจำเลยให้การรับสารภาพเพราะจำนนต่อหลักฐาน หาได้รับสารภาพเพราะสมัครใจหรือสำนึกแก่โทษแต่ประการใด และการรับสารภาพของจำเลยไม่ได้ให้ความรู้แก่ศาลแต่อย่างใด ขอให้ศาลฎีกาไม่ลดโทษให้จำเลยในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนเพื่อตระเตรียมการและเพื่อความสะดวกในการชิงทรัพย์ เช่นนี้ ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาแก้เฉพาะโทษที่ลงแก่จำเลย กรณีจึงเป็นการแก้ไขเล็กน้อย และให้ลงโทษจำคุกจำเลยเกิน 5 ปี จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคสอง ที่โจทก์ร่วมฎีกาดังกล่าวเป็นการฎีกาดุลพินิจในการลงโทษเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้โจทก์ร่วมฎีกาตามบทมาตราดังกล่าว แม้ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกามาก็เป็นการสั่งรับฎีกาที่ไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
พิพากษายกฎีกาของโจทก์ร่วม

Share