คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8896/2555

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความเนื่องจากโจทก์ไม่ได้ฟ้องจำเลยภายในกำหนดเวลา 2 ปี (มิใช่ 1 ปี) นับแต่วันที่ 9 พฤศจิกายน 2542 อันเป็นวันเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชน แต่เมื่อตามคำฟ้องและข้อเท็จจริงปรากฏว่าโจทก์บรรยายฟ้องให้จำเลยรับผิดในฐานะผู้ทำละเมิดตาม ป.พ.พ. มาตรา 420 ถือได้ว่าจำเลยได้ยกอายุความเรื่องละเมิดตามมาตรา 448 วรรคหนึ่ง ขึ้นต่อสู้แล้ว ประกอบกับศาลชั้นต้นได้กำหนดประเด็นข้อพิพาทว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ คดีย่อมมีประเด็นอายุความเรื่องละเมิด ศาลก็ต้องยกอายุความเรื่องละเมิดขึ้นปรับแก่คดี เพราะการจะปรับบทมาตราใดเป็นหน้าที่ของศาลจะยกขึ้นปรับแก่คดี

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 84,037.50 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 81,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาประเด็นข้อพิพาทที่เหลืออีกสองข้อตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นนี้ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจวินิจฉัยว่า มีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ โดยจำเลยฎีกาว่า จำเลยยื่นคำให้การว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความเพราะไม่ได้ฟ้องจำเลยภายในกำหนด 2 ปี และศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้แล้วว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ เมื่อศาลชั้นต้นเห็นว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความเพราะไม่ได้ฟ้องจำเลยภายในกำหนด 1 ปี แล้วพิพากษายกฟ้องจึงเป็นการชอบแล้วนั้น เห็นว่า โจทก์ฟ้องคดีนี้โดยเข้ารับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยตามที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 880 สิทธิของโจทก์จึงต้องถูกจำกัดไม่เกินสิทธิทั้งหลายที่ผู้เอาประกันภัยมีอยู่ โจทก์จึงต้องฟ้องจำเลยภายในกำหนดอายุความ 1 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 วรรคหนึ่ง แม้จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความเนื่องจากโจทก์ไม่ได้ฟ้องจำเลยภายในกำหนดเวลา 2 ปี มิใช่ 1 ปี นับแต่วันที่ 9 พฤศจิกายน 2542 อันเป็นวันเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชน แต่เมื่อตามคำฟ้องและข้อเท็จจริงปรากฏว่าโจทก์บรรยายฟ้องให้จำเลยรับผิดในฐานะผู้ทำละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 ถือได้ว่าจำเลยได้ยกอายุความเรื่องละเมิดตามมาตรา 448 วรรคหนึ่ง ขึ้นต่อสู้แล้ว ประกอบกับศาลชั้นต้นได้กำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ คดีย่อมมีประเด็นอายุความเรื่องละเมิด ศาลก็ต้องยกอายุความเรื่องละเมิดขึ้นปรับแก่คดี เพราะการจะปรับบทมาตราใดเป็นหน้าที่ของศาลจะยกขึ้นปรับแก่คดี ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 วินิจฉัยว่า คำให้การของจำเลยไม่มีประเด็นอายุความเรื่องละเมิด แต่เป็นกรณีที่จำเลยยกอายุความเรื่องประกันวินาศภัยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 882 ซึ่งเป็นอายุความเรียกให้ผู้รับประกันภัยใช้ค่าสินไหมทดแทนในกำหนด 2 ปี ขึ้นต่อสู้นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย และเพื่อมิให้คดีล่าช้า ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยข้อเท็จจริงในปัญหานี้ไปเสียทีเดียว ไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์ภาค 6 วินิจฉัยใหม่ เห็นว่า จำเลยรับราชการเป็นเกษตรอำเภอที่สำนักงานเกษตรอำเภอลานกระบือ จังหวัดกำแพงเพชร เหตุรถชนกันเกิดที่อำเภอไทรงาม จังหวัดกำแพงเพชร หลังเกิดเหตุพนักงานของโจทก์ได้มาตรวจสถานที่เกิดเหตุ พันตำรวจตรีจำลอง พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรไทรงาม เบิกความเป็นพยานโจทก์ว่า หลังเกิดเหตุไม่เกิน 1 เดือน คู่กรณีมาพบภริยาจำเลยตกลงกันว่าฝ่ายจำเลยจะชดใช้ค่าเสียหายให้ นายสัมพันธ์ พนักงานของโจทก์ ตำแหน่งหัวหน้าสินไหมรถยนต์ เบิกความเป็นพยานโจทก์ว่า ทราบว่าพนักงานสอบสวนนัดคู่กรณีที่เกี่ยวข้องมาเจรจาตกลงกันครั้งหนึ่ง และนายเสนีย์ พนักงานฝ่ายกฎหมายของโจทก์เบิกความเป็นพยานโจทก์ว่า โจทก์รู้มาตั้งแต่ต้นว่าจำเลยรับราชการเป็นเกษตรอำเภอลานกระบือ แต่ไม่รู้ชื่อที่ถูกต้องที่แท้จริง ตามคำเบิกความของพยานโจทก์ดังกล่าวรับฟังได้ว่า โจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนตั้งแต่เกิดเหตุใหม่ ๆ แล้ว เมื่อเกิดเหตุทำละเมิดวันที่ 9 พฤศจิกายน 2542 นับถึงวันฟ้องคดีนี้คือวันที่ 17 มิถุนายน 2545 จึงพ้น 1 ปี นับแต่วันที่โจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน ฟ้องโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 วรรคหนึ่ง ดังที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัย ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ

Share