คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11076/2557

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่จำเลยทั้งสามฎีกาว่า ย. ขับรถที่โจทก์รับประกันภัยด้วยความเร็วสูงในขณะฝนตก โดยไม่ลดความเร็วลงทั้งที่บริเวณที่เกิดเหตุเป็นทางลงเขาและโค้ง ทำให้รถแหกโค้งเหวี่ยงมาในช่องเดินรถและเฉี่ยวชนรถที่จำเลยที่ 1 ขับ เหตุละเมิดเกิดจากความประมาทของ ย. และจำเลยที่ 1 ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ค่าเสียหายจึงตกเป็นพับ โจทก์จึงไม่อาจรับช่วงสิทธิมาฟ้องนั้น เป็นฎีกาที่เมื่อพิจารณาฎีกาทั้งฉบับของจำเลยทั้งสามแล้ว กรณีไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงผลตามคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ภาค 3 ฎีกาของจำเลยทั้งสามจึงไม่เป็นสาระอันควรแก่การพิจารณา ศาลฎีกาไม่รับคดีไว้พิจารณาพิพากษา ตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 23 วรรคหนึ่ง
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์แทนโจทก์ 2,100 บาท โดยไม่ได้สั่งเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมอื่น เป็นการไม่ชอบเพราะคำสั่งในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียม แม้จะไม่มีคำขอของคู่ความฝ่ายใด ก็เป็นหน้าที่ของศาลต้องสั่งลงไว้ในคำพิพากษาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 167 วรรคหนึ่ง แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดกล่าวอ้าง ศาลฎีกาก็มีอำนาจแก้ไขให้ถูกต้องได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันหรือแทนกันใช้เงิน 160,149.23 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 157,201.70 บาท นับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสามให้การขอให้ยกฟ้องและฟ้องแย้งขอบังคับให้โจทก์ชำระค่าซ่อมรถบรรทุกหมายเลขทะเบียน 81 – 2578 ชัยภูมิ เป็นเงิน 50,000 บาท ค่าขาดประโยชน์ที่ไม่ได้ใช้รถคันดังกล่าวเป็นเวลา 15 วัน คิดเป็นเงิน 90,000 บาท แก่จำเลยทั้งสาม
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์และยกฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสาม ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงิน 78,600.85 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 28 เมษายน 2548 ไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์และให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์แทนโจทก์ จำนวน 2,100 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสามฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ศาลฎีกาแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจวินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสามฎีกาว่า นายยุทธนาขับรถด้วยความเร็วสูงในขณะที่มีฝนตก โดยไม่ลดความเร็วลง ทั้งที่บริเวณที่เกิดเหตุเป็นทางลงเขาและเป็นทางโค้ง ทำให้รถยนต์คันที่โจทก์รับประกันภัยไว้แล่นแหกโค้งเหวี่ยงเข้ามาในทางเดินรถของจำเลยที่ 1 และเฉี่ยวชนด้านข้างของรถบรรทุกที่จำเลยที่ 1 ขับ เหตุละเมิดจึงเกิดจากความประมาทของนายยุทธนาและจำเลยที่ 1 ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ค่าเสียหายจึงตกเป็นพับ โจทก์ไม่อาจรับช่วงสิทธิมาฟ้องให้จำเลยทั้งสามรับผิดนั้น เห็นว่า เป็นฎีกาที่เมื่อพิจารณาฎีกาทั้งฉบับของจำเลยทั้งสามแล้ว กรณีไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงผลตามคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ภาค 3 ฎีกาของจำเลยทั้งสามจึงไม่เป็นสาระอันควรแก่การพิจารณา ศาลฎีกาไม่รับคดีไว้พิจารณาพิพากษาตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 23 วรรคหนึ่ง
อนึ่ง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระหนี้แก่โจทก์และให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์แทนโจทก์จำนวน 2,100 บาท โดยไม่ได้สั่งเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมอื่น เป็นการไม่ชอบเพราะคำสั่งในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียม แม้จะไม่มีคำขอของคู่ความฝ่ายใด ก็เป็นหน้าที่ของศาลจะต้องสั่งลงไว้ในคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 167 วรรคหนึ่ง แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดกล่าวอ้าง ศาลฎีกาก็มีอำนาจแก้ไขให้ถูกต้องได้
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์แทนโจทก์นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาทั้งหมดให้แก่จำเลยทั้งสาม ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกานอกจากที่สั่งคืนให้เป็นพับ

Share