แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ที่ดินมฤดกปกครองลงทำด้วยกัน ผู้รับมฤดกลอบไปประกาศรับมฤดกแล้วโอนให้แก่บุคคลภายนอกโดยบุคคลภายนอกรับโอนไว้โดยไม่สุจริต ผู้รับมฤดกอีกคน 1 ฟ้องขอให้เพิกถอนการโอนได้ตามประมวลแพ่ง ฯ ม.1300 แต่ทั้งนี้ไม่กะทบกะเทือนถึงการโอนระหว่างจำเลยทั้งสองเท่าที่สิทธิของจำเลยมีอยู่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่านา ๓ โฉนดเป็นมฤดกระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ ๑ ๆ ไปประกาศรับมฤดกผู้เดียวแล้วโอนให้จำเลยที่ ๒ โดยทุจริต จึงขอให้ศาลแสดงว่าเป็นมฤดกระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ ๑ ให้ถอนชื่อจำเลยที่ ๑ ออกจากโฉนด แล้วแบ่งให้โจทก์กับจำเลยที่ ๑ คนละครึ่ง
จำเลยที่ ๑ ต่อสู้ว่าผู้ตายยกให้จำเลยที่ ๑ จำเลยได้โอนแก่กันโดยสุจริต
ศาลชั้นต้นฟังว่าฉะเพาะที่โฉนดเดียวเป็นมฤดกระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ ๑ ให้แบ่งคนละครึ่ง และให้ทำลายการโอนโฉนด
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ฟังว่าที่อีก ๒ โฉนดเป็นมฤดกซึ่งโจทก์กับจำเลยที่ ๑ ปกครองมาด้วยกันจำเลยที่ ๒ อยู่กับจำเลยที่ ๑ ต้องทราบว่า โจทก์ปกครองมฤดก การโอนระหว่างจำเลยจึงไม่สุจริตโจทก์ขอให้เพิกถอนได้ตามประมวลแพ่ง ฯ ม.๒๓๗ จึงพิพากษาแก้ศาลชั้นต้น ให้โจทก์มีสิทธิได้รับมฤดกที่ดินอีก ๒ โฉนด ให้เพิกถอนการโอนแปลงนี้ระหว่างจำเลยทั้งสอง ลงชื่อโจทก์และจำเลยที่ ๑ แล้วแบ่งกันคนละครึ่ง
จำเลยฎีกา ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงตามศาลอุทธรณ์ แล้วกล่าวว่า การโอนไม่สุจริต จำเลยที่ ๒ ไม่ได้กรรมสิทธิ โจทก์ขอเพิกถอนได้ตามประมวลแพ่ง ฯ ม.๑๓๐๐ จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ แต่ทั้งนี้ไม่กะทบกะเทือนการโอนระหว่างจำเลยทั้งสอง เท่าที่มีสิทธิของจำเลยมีอยู่