คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1104-1105/2501

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่ว่าในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญานั้น หมายความว่าคดีส่วนอาญาได้ถึงที่สุดแล้วและจำเลยในคดีแพ่งก็ต้องเป็นจำเลยรายเดียวกันกับจำเลยในคำพิพากษาคดีส่วนอาญานั้นด้วย
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังว่านายเจริญกับพวกจำเลยฆ่านายประเวศตาย นายเจริญจำเลยกับพวกฎีกา ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา นายเจริญจำเลยตาย คดีส่วนตัวนายเจริญจำเลยจึงเป็นอันระงับไป เมื่อมารดาและบุตรของนายประเวศผู้ตายฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนฐานนายเจริญจำเลยละเมิด เช่นนี้ ข้อเท็จจริงในคดีส่วนแพ่งยังฟังลงไปทีเดียวไม่ได้ว่านายเจริญจำเลยมีส่วนร่วมในการฆ่านายประเวศดังที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยฟังมา เพราะคดีอาญานั้นยังไม่ถึงที่สุด ศาลฎีกาอาจฟังข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่นก็ได้เมื่อเช่นนี้ ข้อเท็จจริงในข้อว่านายเจริญจำเลยมีส่วนร่วมในการฆ่านายประเวศอันจะถือตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาก็ไม่มี ศาลจะพิพากษาคดีส่วนแพ่งให้ผู้รับมรดกความของนายเจริญจำเลยรับผิดฐานละเมิดไปเลยทีเดียวยังไม่ได้ ต้องให้คู่ความในคดีแพ่งนำสืบข้อเท็จจริงเช่นว่านี้กันไป
คำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นในคดีอาญาว่านายบุญเราและนายมินทร์(ซึ่งไม่ได้เป็นจำเลยในคดีอาญานั้นด้วยเลย)มีส่วนร่วมในการฆ่านายประเวศ ต่อมามารดาและบุตรนายประเวศผู้ตายได้เป็นโจทก์ฟ้องนายบุญเราและนายมินทร์เป็นจำเลยในคดีแพ่งเรียกค่าสินไหมทดแทนฐานละเมิด เช่นนี้ ศาลจะรับฟังข้อวินิจฉัยส่วนอาญาดังกล่าวแล้วของศาลชั้นต้นมาเป็นข้อเท็จจริงอันจะถือตามในคดีแพ่งนี้หาได้ไม่เพราะนายบุญเราและนายมินทร์ไม่ได้เป็นคู่ความในคดีอาญาดังกล่าวนั้น

ย่อยาว

คดี 2 สำนวนนี้ศาลพิจารณาพิพากษารวมกัน

โจทก์ทั้ง 2 สำนวนฟ้องว่า จำเลยได้สมคบกันจ้างวานนายรส นายตี๋นายทองคำ ซึ่งได้ถูกฟ้องเป็นคดีอาญาแล้ว ใช้ปืนฆ่านายประเวศโดยนายบุญเรากับนายมินทร์จำเลยเป็นผู้ออกเงินค่าจ้าง และนายเจริญกับนายอ้วนจำเลยร่วมกันเป็นธุระจัดหาจ้างวานนายรสกับพวกมือปืนมาทำการฆ่านายประเวศ สำหรับนายบุญเรา นายมินทร์ และนายอ้วนจำเลยไม่ถูกฟ้องคดีอาญา การกระทำของจำเลยเป็นการละเมิดนางสาโจทก์เป็นมารดาผู้ตายนางจันทร์สวยเป็นมารดาผู้แทนโดยชอบธรรมของ ด.ญ.ยุพิน บุตรผู้ตาย โจทก์ทั้ง 2 สำนวนจึงฟ้องเรียกค่าเสียหาย

จำเลยทุกคนปฏิเสธ

ต่อมาโจทก์ขอถอนฟ้องเฉพาะนายอ้วนจำเลย

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่นางสาโจทก์ 10,000 บาท กับค่าสินไหมทดแทนแก่นางจันทร์สวยเพื่อด.ญ.ยุพินโจทก์ 9,900 บาท พร้อมดอกเบี้ย

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ศาลชั้นต้นเฉพาะที่ให้ค่าสินไหมทดแทนแก่นางสาโจทก์เพื่อการเสียสุขภาพอนามัย 5,000 บาท เป็นให้ยกคำขอข้อนี้ นอกจากนี้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาพิจารณาแล้วปรากฎว่าจำเลยในคดีแพ่งนี้ มีนายเจริญจำเลยคนเดียวที่ถูกฟ้องเป็นจำเลยร่วมกับคนอื่นในคดีอาญาแดงที่ 433-434/2497 ของศาลชั้นต้น ในคดีอาญาเรื่องนั้นศาลอุทธรณ์พิพากษาว่านายเจริญจำเลยมีความผิดตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 250(3), 64 ให้ลงโทษประหารชีวิต นายเจริญจำเลยฎีกา ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา นายเจริญจำเลยตาย คดีส่วนตัวนายเจริญจำเลยจึงเป็นอันระงับไป มีปัญหาว่าในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งนี้ข้อเท็จจริงในข้อหาคดีอาญาว่านายเจริญจำเลยสมคบกับพวกฆ่านายประเวศนั้นจะรับฟังตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 อย่างไร

ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อนายเจริญจำเลยตาย เป็นผลให้คดีอาญาส่วนของนายเจริญจำเลยเป็นอันระงับไปเช่นนี้ ข้อเท็จจริงยังรับฟังไม่ได้ว่านายเจริญจำเลยมีส่วนร่วมในการฆ่านายประเวศดังที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยฟังมานั้น เพราะคดีอาญานั้นยังไม่ถึงที่สุดศาลฎีกาอาจฟังข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่นก็ได้ เมื่อเช่นนี้ข้อเท็จจริงในข้อว่านายเจริญจำเลยมีส่วนร่วมในการฆ่านายประเวศอันจะถือตามที่ปรากฎในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาก็ไม่มี ศาลจะพิพากษาในคดีส่วนแพ่งให้นายเจริญจำเลยรับผิดฐานละเมิดต่อโจทก์ไม่ได้แต่ศาลชั้นต้นสั่งไม่ให้โจทก์นำสืบในประเด็นที่เกี่ยวกับนายเจริญจำเลยเป็นผู้ทำละเมิด เพราะจะถือเอาตามข้อเท็จจริงในคดีอาญาที่นายเจริญถูกฟ้อง โจทก์จึงมิได้นำสืบในประเด็นข้อนี้ จึงควรให้โจทก์ได้มีโอกาสนำสืบใหม่ในข้อเท็จจริงดังกล่าวนี้

คำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 433-434/2497ว่า นายบุญเราและนายมินทร์ (จำเลยในคดีแพ่งแต่ไม่ได้เป็นจำเลยในคดีอาญา) มีส่วนร่วมในการฆ่านายประเวศนั้น จะรับฟังเป็นข้อเท็จจริงอันจะถือตามในคดีแพ่งนี้หาได้ไม่ เพราะนายบุญเราและนายมินทร์จำเลยไม่ได้เป็นคู่ความในคดีอาญาดังกล่าวนั้น พยานหลักฐานโจทก์ยังไม่สมฟ้องในข้อหาว่านายบุญเราและนายมินทร์จำเลยมีส่วนร่วมในการฆ่านายประเวศอันเป็นการละเมิดต่อโจทก์ตามฟ้อง

พิพากษากลับศาลอุทธรณ์ที่เกี่ยวกับนายบุญเราและนายมินทร์จำเลย เป็นให้ยกฟ้องโจทก์ คดีสำหรับนายเจริญจำเลยนั้นให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปความ

Share