คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1098/2481

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในคดีอาญาเมื่อกฎหมายมิได้บัญญัติไว้โดยชัดเจนว่าให้การพิสูจน์ตกเป็นหน้าที่ของฝ่ายใดแล้วหน้าที่นำสืบต้องตกอยู่แก่โจทก์สำนวนหรือคำให้การจำเลยในคดีเรื่องอื่นไม่เป็นพะยานหลักฐานที่จะนำมาใช้ยันจำเลยในคดีอีกเรื่องหนึ่งได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ลงโฆษนาขายยาอวดอ้างสรรพคุณและความศักดิ์สิทธิของยาเป็นผิดตาม ม.๑๑,๑๒ แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมการขายยา ๒๔๗๙
จำเลยให้การรับว่าเป็นบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ได้ลงโฆษนาขายยาตามฟ้องจริงแต่ขอต่อสู้ในเรื่องโฆษนาอวดอ้างสรรพคุรและความศักดิ์สิทธิของยาโดยไม่มีหลักฐานพิสูจน์ตามวิธีวิทยาศาสตร์
โจทก์คงอ้างแต่สำนวนที่เจ้าของยาถูกฟ้องในความผิดเช่นนี้เหมือนกันและเจ้าของยาให้การรับสารภาพตามฟ้อง ศาลพิพากษาลงโทษและคำให้การของเจ้าของยาชั้นสอบสวนมาเป็นพะยานแล้วไม่ติดใจสืบพะยานต่อไป
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์
ศาลฎีกาตัดสินว่าหน้าที่นำสืบคดีนี้ตกอยู่แก่โจทก์โดยเป็นคดีอาญา พ.ร.บ.ควบคุมการขายยามิได้บังคับการพิสูจน์เช่นนั้นตกเป็นหน้าที่ฝ่ายใด จึงไม่มีทางจะแปลให้เป็นการขัดตรงข้ามกับวิธีพิจารณา การอ้างสำนวนชั้นศาลและคำให้การชั้นสอบสวนในคดีเจ้าของยาถูกฟ้องไม่เป็นหลักฐานยันจำเลยในคดีนี้ แม้จำเลยจะรับว่าเจ้าของยาต้องรับโทษจะขยายความว่าจำเลยได้รับตามคำกล่าวหาของโจทก์หาชอบไม่พิพากษายืนตาม

Share