คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1097/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อการประนอมหนี้ซึ่งที่ประชุมเจ้าหนี้ได้ยอมรับและศาลเห็นชอบด้วยผูกมัดเจ้าหนี้ทั้งหมดในเรื่องหนี้ซึ่งอาจขอรับชำระหนี้ได้และลูกหนี้มีหน้าที่ต้องชำระหนี้ตามข้อตกลงในการประนอมหนี้นั้นแล้วไม่ว่าภายหลังจากนั้นจะเกิดมีข้อเท็จจริงเกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้อย่างไรแม้จะมีผลทำให้เจ้าหนี้สามารถได้รับชำระหนี้ได้เร็วกว่าที่ลูกหนี้ตกลงไว้ในการประนอมหนี้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก็ไม่อาจนัดประชุมเจ้าหนี้เพื่อเพิ่มเติมเงื่อนไขข้อตกลงประนอมหนี้นอกเหนือไปจากที่ลูกหนี้ได้ตกลงไว้ในการประนอมหนี้นั้นได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องของลูกหนี้ (จำเลย) ล้มละลายศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้เด็ดขาดเมื่อวันที่21 พฤศจิกายน 2527 และพิพากษาให้ลูกหนี้เป็นบุคคลล้มละลายเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2528 ต่อมาเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2530ลูกหนี้ขอประนอมหนี้ภายหลังล้มละลาย ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งเห็นชอบด้วยการประนอมหนี้ภายหลังล้มละลายของลูกหนี้และให้ยกเลิกการล้มละลายให้ลูกหนี้กลับมีอำนาจจัดการเกี่ยวกับทรัพย์สินของตนเองได้
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์แทนโจทก์เดิม ลูกหนี้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินโฉนดเลขที่7459, 7460, 7461 และ 7462 พร้อมสิ่งปลูกสร้างร่วมกับนายสมบูรณ์ ไชยสงวนมิตต์ จำเลยที่ 2 ในคดีแพ่งของศาลชั้นต้นหมายเลขแดงที่ 6013/2533 ซึ่งเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดไว้และอยู่ในระหว่างดำเนินการขายทอดตลาดซึ่งลูกหนี้มีสิทธิรับเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งเป็นเงิน 1,100,000บาท ผู้ร้องยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ขอให้นัดประชุมเจ้าหนี้เพื่อพิจารณาเพิ่มเติมเงื่อนไขการประนอมหนี้โดยให้ลูกหนี้นำเงินที่มีสิทธิจะได้จากการขายทอดตลาดดังกล่าวมาชำระหนี้แก่กองทรัพย์สินของลูกหนี้ต่อไป เพื่อบรรเทาความเสียหายของเจ้าหนี้ที่จะได้รับชำระหนี้เนิ่นช้าเกินสมควร และทำให้ภาระหนี้สินของลูกหนี้ต่อเจ้าหนี้เสร็จสิ้นเร็วขึ้น ส่วนเงื่อนไขการผ่อนชำระเดือนละ 50,000 บาท คงให้เป็นไปตามข้อตกลงประนอมหนี้เดิม แต่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เห็นว่าลูกหนี้ปฏิบัติตามเงื่อนไขในการชำระหนี้ไม่มีเหตุยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขในคำขอประนอมหนี้และมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้อง ผู้ร้องไม่เห็นด้วยกับคำสั่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ขอให้มีคำสั่งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เรียกประชุมเจ้าหนี้เพื่อพิจารณาเพิ่มเติมเงื่อนไขในการประนอมหนี้ โดยให้ลูกหนี้นำเงินที่มีสิทธิจะได้รับจากการขายทอดตลาดในคดีแพ่งของศาลชั้นต้นหมายเลขแดงที่ 6013/2533 มาชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ และให้ลูกหนี้ปฏิบัติตามเงื่อนไขเดิมต่อไป
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เรียกประชุมเจ้าหนี้ให้ตามคำร้อง
เจ้าพนักงาน พิทักษ์ทรัพย์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องของเจ้าหนี้
ผู้ร้อง ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งเห็นชอบด้วยการประนอมหนี้ภายหลังล้มละลายของลูกหนี้ และมีคำสั่งให้ยกเลิกการล้มละลายกับให้ลูกหนี้กลับมีอำนาจจัดการเกี่ยวกับทรัพย์สินของตนตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 63 ลูกหนี้ย่อมหลุดพ้นจากภาวะล้มละลายและมีอำนาจจัดการเกี่ยวกับกิจการและทรัพย์สินของลูกหนี้ต่อไป และการประนอมหนี้ภายหลังล้มละลายซึ่งที่ประชุมเจ้าหนี้ได้ยอมรับและศาลเห็นชอบแล้วก็ผูกมัดเจ้าหนี้ทั้งหมดในเรื่องหนี้ซึ่งอาจขอรับชำระหนี้ได้ตามมาตรา 63ประกอบมาตรา 56 ดังนั้นในส่วนที่เกี่ยวกับคดีล้มละลายลูกหนี้จึงมีหน้าที่ที่จะต้องชำระหนี้ตามที่ได้ตกลงไว้ในการประนอมหนี้ภายหลังล้มละลายเท่านั้น ส่วนเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก็ยังคงมีอำนาจหน้าที่อีกบางประการ โดยเฉพาะตามที่พระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483 มาตรา 63 ประกอบมาตรา 60 กำหนดไว้คือ ถ้าลูกหนี้ผิดนัดไม่ชำระหนี้ตามที่ได้ตกลงไว้ในการประนอมหนี้ภายหลังล้มละลาย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ชอบที่จะรายงานต่อศาลให้มีคำสั่งยกเลิกการประนอมหนี้และพิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลายการที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เรียกประชุมเจ้าหนี้เพิ่มเติมเงื่อนไขการประนอมหนี้โดยให้ลูกหนี้นำเงินที่มีสิทธิจะได้รับจากการขายทอดตลาดในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่6013/2533 ของศาลชั้นต้น มาชำระหนี้ให้แก่กองทรัพย์สินของลูกหนี้เท่ากับเป็นการขอให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดำเนินการนอกเหนือไปจากอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ตามกฎหมาย และมีผลเท่ากับเป็นการเข้าไปจัดการทรัพย์สินของลูกหนี้โดยตรงในขณะที่ลูกหนี้หลุดพ้นจากภาวะล้มละลายแล้ว อันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายดังวินิจฉัยมาแล้ว ที่ผู้ร้องฎีกาว่าการที่ลูกหนี้มีสิทธิที่จะได้รับเงินในคดีแพ่งดังกล่าวเป็นข้อเท็จจริงเกิดขึ้นใหม่เปลี่ยนแปลงไปตราบใดที่ไม่กระทบกระเทือนข้อตกลงประนอมหนี้ก็สามารถนัดประชุมเจ้าหนี้เพื่อเพิ่มเติมเงื่อนไขในการประนอมหนี้ได้นั้น เห็นว่าเมื่อการประนอมหนี้ซึ่งที่ประชุมเจ้าหนี้ได้ยอมรับและศาลเห็นชอบด้วยผูกมัดเจ้าหนี้ทั้งหมดในเรื่องหนี้ซึ่งอาจขอรับชำระหนี้ได้ และลูกหนี้มีหน้าที่ต้องชำระหนี้ตามข้อตกลงในการประนอมหนี้นั้นแล้วไม่ว่าภายหลังจากนั้นจะเกิดมีข้อเท็จจริงเกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้อย่างไร แม้จะมีผลทำให้เจ้าหนี้สามารถได้รับชำระหนี้ได้เร็วกว่าที่ลูกหนี้ตกลงไว้ในการประนอมหนี้ก็ไม่อาจนัดประชุมเจ้าหนี้เพื่อเพิ่มเติมเงื่อนไขข้อตกลงประนอมหนี้นอกเหนือไปจากที่ลูกหนี้ได้ตกลงไว้ในการประนอมหนี้นั้นได้ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงไม่มีอำนาจที่จะเรียกประชุมเจ้าหนี้ได้ตามคำร้อง
พิพากษายืน

Share