คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1097/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงต้องกันมาว่าจำเลยเป็นเด็กอายุยังไม่เต็ม 16 ปีบริบูรณ์
โจทก์ฎีกาว่า ศาลล่างทั้งสองใช้วิธีนับอายุจำเลยยังไม่ถูก ต้องนำมาตรา 16 แห่ง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาใช้จึงจะถูก ดังนี้ถือว่า โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย ศาลฎีกาต้องฟังข้อเท็จจริงตามศาลล่างว่าจำเลยมีอายุยังไม่เต็ม 16 ปี
การที่จะลงโทษจำเลยในคดีอาญา ซึ่งมีอายุ 16 ปีศาลฎีกาได้วินิจฉัยเป็นบรรทัดฐานมาแล้วว่า ต้องนับอายุ16 ปีบริบูรณ์ตามนัยฎีกาที่ 1738/2492 จะนับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 16 หาได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยสมคบกันลักเล่นการพนันโปกำ อันเป็นการพนันประเภทห้ามขาดเอาทรัพย์สินกัน อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 4, 10, 12 จำเลยทุกคนรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุกและปรับจำเลยทุกคน เว้นแต่จำเลยที่ 3, 4, 5 เห็นว่ายังเป็นเด็ก ยังไม่รู้จักผิดชอบ จึงว่ากล่าวสั่งสอนแล้วปล่อยตัวไป

โจทก์อุทธรณ์ว่า จำเลยที่ 3, 4 มีอายุเกิน 16 ปีแล้ว

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกาต่อมา

ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงยืนตามศาลชั้นต้นว่า จำเลยที่ 3, 4 มีอายุยังไม่เต็ม 16 ปีบริบูรณ์ตามมาตรา 58 แห่งกฎหมายลักษณะอาญา ซึ่งศาลฎีกาจำต้องถือตาม

อนึ่งการลงโทษจำเลยในคดีอาญา ซึ่งมีอายุ 16 ปีตามมาตรา 58แห่งกฎหมายลักษณะอาญานั้น ศาลฎีกาได้พิพากษาไว้เป็นบรรทัดฐานมาแล้วว่า ต้องนับอายุ 16 ปีบริบูรณ์ตามนัยฎีกาที่ 1738/2492 ฎีกาของโจทก์ที่ยืนยันว่าต้องนับอายุจำเลยตามมาตรา 16 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จะนำมาใช้ปรับแก่คดีอาญาหาได้ไม่ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว

จึงพิพากษายืน

Share