คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1095/2496

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ทนายโจทก์มอบฉันทะให้บุตรโจทก์ นำคำฟ้องมายื่นต่อศาลศาลได้สั่งอนุญาตและรับฟ้องไว้จนกระทั่งคดีดำเนินมาถึงศาลฎีกาครั้งหนึ่งแล้ว ต่อมาในระหว่างดำเนินคดีตามประเด็น ศาลชั้นต้นไม่ชอบที่จะมีคำสั่งรื้อฟื้นอำนาจของผู้นำฟ้องมายื่น ขึ้นพิจารณาอีก เพราะไม่มีประเด็นอันใดในทางพิจารณาหรือเป็นประโยชน์ในทางเป็นธรรมอย่างใดเลย

ย่อยาว

คดีนี้ เดิมนายพัฒน์หรือภักดี ทนายโจทก์ได้ทำใบมอบฉันทะให้นายแนบ สุขนคร นำคำฟ้องมายื่นต่อศาล และศาลได้สั่งอนุญาตและรับคำฟ้องจนคดีมาถึงศาลฎีกาพิพากษาไปครั้งหนึ่งแล้ว และในระหว่างการดำเนินคดีต่อไปตามประเด็น ศาลชั้นต้นพิเคราะห์เห็นว่าคำฟ้องของโจทก์ที่ได้เสนอด้วยการมอบฉันทะนั้น ใบมอบฉันทะมีข้อความสับสนไม่ถูกต้อง จึงสั่งเพิกถอนคำสั่งที่ได้อนุญาตไว้ แล้วมีคำพิพากษาว่า คำฟ้องของโจทก์มิได้เสนอต่อศาลโดยคู่ความให้เป็นการถูกต้อง และชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นตามฟ้องต่อไปพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 64มีข้อไขให้อำนาจศาลที่จะสั่งเป็นอย่างอื่นได้ เรื่องนี้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตไว้แล้ว ไม่ชอบที่จะกลับมีคำสั่งลบล้างเสียในชั้นต่อมา กรณีไม่ต้องด้วยมาตรา 27 จึงพิพากษาให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาพิพากษาต่อไป

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า แม้ใบมอบฉันทะจะมีข้อความสับสนอยู่บ้างก็คงได้ความว่าทนายโจทก์ มอบให้บุตรโจทก์ นำคำฟ้องมายื่นต่อศาลส่วนในข้อที่ว่าทนายจะมอบให้ผู้อื่นนำคำฟ้องมายื่นแทนได้หรือไม่นั้นศาลก็ได้สั่งอนุญาตและรับฟ้องไว้จนกระทั่งดำเนินมาถึงศาลฎีกาครั้งหนึ่งแล้ว ไม่มีเหตุอันใดที่จะรื้อฟื้นอำนาจผู้นำฟ้องมายื่นขึ้นพิจารณาในชั้นนี้ เพราะไม่มีประเด็นอันใดในทางพิจารณาหรือเป็นประโยชน์ในทางเป็นกรรมอย่างใดเลย

จึงพิพากษายืน

Share