แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ทนายโจทก์มอบฉันทะให้บุตรโจทก์ นำคำฟ้องมายื่นต่อศาล ศาลได้สั่งอนุญาตและรับฟ้องไว้จนกระทั่งคดีดำเนินมา ถึงศาลฎีกาครั้งหนึ่งแล้ว ต่อมาในระหว่างดำเนินคดีตามประเด็น ศาลชั้นต้นไม่ชอบที่จะมีคำสั่งรื้อฟื้นอำนาจของผู้ นำฟ้องมายื่น ขึ้นพิจารณาอีก เพราะไม่มีประเด็นอันใดในทางพิจารณาหรือเป็นประโยชน์ในทางเป็นธรรมอย่างใด เลย.
ย่อยาว
คดีนี้ เดิมนายพัฒน์หรือภักดี ทนายโจทก์ได้ทำใบมอบฉันทะให้นายแนบ สุขนคร นำคำฟ้องมายื่นต่อศาล และศาลได้ สั่งอนุญาตและรับคำฟ้องจนคดีมาถึงศาลฎีกาพิพากษาไปครั้งหนึ่งแล้ว และในระหว่างการดำเนินคดีต่อไปตามประเด็น ศาลชั้นต้นพิเคราะห์เห็นว่า คำฟ้องของโจทก์ที่ได้เสนอด้วยการมอบฉันทะนั้น ใบมอบฉันทะมีข้อความสับสนไม่ถูกต้อง จึงสั่งเพิกถอนคำสั่งที่ได้อนุญาตไว้ แล้วมีคำพิพากษาว่า คำฟ้องของโจทก์มิได้เสนอต่อศาลโดยคู่ความให้เป็นการถูกต้อง และชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นตามฟ้องต่อไป พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์,
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา ๖๔ มีข้อไขให้อำนาจศาลที่จะสั่งเป็นอย่างอื่นได้ เรื่องนี้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต ไว้แล้ว ไม่ชอบที่จะกลับมีคำสั่งลบล้างเสียในชั้นต่อมา กรณีไม่ต้องด้วยมาตรา ๒๗ จึงพิพากษาให้ศาลชั้นต้นดำเนินการ พิจารณาพิพากษาต่อไป
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า แม้ใบมอบฉันทะจะมีข้อความสับสันอยู่บ้าง ก็คงได้ความว่าทนายโจทก์ มอบให้บุตรโจทก์ นำคำฟ้องมา ยื่นต่อศาล ส่วนในข้อที่ว่าทนายจะมอบให้ผู้อื่นนำคำฟ้องมายื่นแทนได้หรือไม่นั้น ศาลก็ได้สั่งอนุญาตและรับฟ้องไว้ จน กระทั่งดำเนินมาถึงศาลฎีกาครั้งหนึ่งแล้ว ไม่มีเหตุอันใดที่จะรื้อฟื้นอำนาจผู้นำฟ้องมายื่นขึ้นพิจารณาในชั้นนี้ เพราะ ไม่มีประเด็นอันใดในทางพิจารณาหรือเป็นประโยชน์ในทางเป็นธรรมอย่างใดเลย
จึงพิพากษายืน