คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1094/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ซื้อที่ดินมือเปล่าโดยทำสัญญาซื้อขายและจดทะเบียนที่อำเภอ เมื่อปรากฎว่าผู้ขายเป็นเจ้าของที่ดินนั้นแต่เพียงครึ่งเดียว และยังได้ขายให้ผู้อื่นไป โดยมอบการครอบครองแก่เขาให้ครอบครองที่ดินส่วนนั้นไปแล้วด้วยดังนี้ ผู้ซื้อไม่ได้รับความคุ้มครองตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 1300

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ที่พิพาทเนื้อที่ ๑๒ ไร่เศษเป็นของโจทก์ที่ ๑-๒ สามีภรรยา ๖ ไร่เศษโดยซื้อมาจากนางลิ อีก ๖ ไร่เศษเป็นของโจทก์ที่ ๓ โจทก์ทั้งสามได้ครอบครองตลอดมา ภายหลังนางลิได้เอาที่ดินนี้ทั้ง ๑๒ ไร่เศษไปขายให้จำเลยทำสัญญากันต่ออำเภอโดยไม่สุจริตและสมยอมกัน จึงขอให้เพิกถอนสัญญาซื้อขายนั้นเสีย
จำเลยต่อสู้ว่า ซื้อโดยสุจริต เสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนแล้ว ที่พิพาทจึงตกเป็นของจำเลยตามป.ม.แพ่งฯมาตรา ๑๓๐๐
ศาลชั้นต้นเห็นว่า โจทก์จะขอให้เพิกถอนหรือทำลายสัญญาซื้อขายไม่ได้ ตามนัยแห่งป.ม.แพ่งฯมาตรา ๑๓๐๐ พิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ถ้าข้อเท็จจริงฟังได้ตามข้อนำสืบจากโจทก์ว่า ที่พิพาทเป็นที่มือเปล่าส่วนหนึ่งเป็นของโจทก์ที่ ๓ ครอบครองมาอีกส่วนหนึ่งเป็นของนางมลิ ๆ สละสิทธิโอนขายให้โจทก์ที่ ๑-๒ เป็นเจ้าของครอบครองมานางมลิย่อมหมดสิทธิไม่มีอำนาจโอนแก่จำเลย กรณีไม่เข้าอยู่ในความคุ้มครองตามป.ม.แพ่งฯมาตรา ๑๓๐๐ แต่ศาลชั้นต้นยังมิได้วินิจฉัยในปัญหาข้อเท็จจริงนี้ จึงพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่ตามรูปความ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นพ้องกับศาลอุทธรณ์ในข้อ ก.ม.ว่า กรณีไม่เข้าอยู่ในความคุ้มครองตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา ๑๓๐๐
จึงพิพากษายืน

Share