แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์ แล้วพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ภาค 1 เป็นกรณีที่ศาลรับฟังคำรับของจำเลยตามที่ให้การไว้ มิใช่รับฟังจากพยานหลักฐานการรังวัดที่ดินพิพาท การรับฟังพยานหลักฐานของศาลจึงไม่ผิดระเบียบในอันที่จำเลยจะร้องขอให้เพิกถอนได้ การที่จำเลยอุทธรณ์ขอให้เพิกถอนการพิจารณาคดีทั้งหมดแล้วให้พิจารณาคดีใหม่ โดยกล่าวอ้างว่ามีพยานหลักฐานใหม่นั้น จึงมิใช่เป็นเรื่องการดำเนินกระบวนพิจารณาผิดระเบียบแต่อย่างใด ดังนั้นจึงไม่อาจมีการพิจารณาคดีเพื่อพิจารณาพยานหลักฐานใหม่ของจำเลยได้
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องจากศาลฎีกาพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 โดยพิพากษาให้จำเลยและบริวารขนย้ายทรัพย์สินและรื้อถอนบ้านเลขที่ 16 ออกไปจากที่ดินโฉนดเลขที่ 9116 หมู่ที่ 1 ตำบลผักไห่ อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยาและให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายเดือนละ 2,000 บาท แก่โจทก์ นับแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 8 มีนาคม 2539) เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยและบริวารจะขนย้ายทรัพย์สิน รื้อถอนบ้านออกไป คดีถึงที่สุดแล้ว
จำเลยยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการพิจารณาคดีของศาลทั้งหมด เพราะศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์และศาลฎีการับฟังพยานหลักฐานในส่วนที่เกี่ยวกับการรังวัดที่ดินของโจทก์นั้นไม่ถูกต้อง และไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ศาลได้โปรดพิจารณาพยานหลักฐานใหม่โดยให้รังวัดที่ดินของโจทก์ใหม่เนื่องจากเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้ได้ถึงที่สุดแล้วตามคำพิพากษาศาลฎีกา ทั้งการพิจารณาคดีและการพิจารณาพยานหลักฐานของศาลในสำนวนไม่ปรากฏว่าผิดระเบียบแต่อย่างใด ทั้งไม่มีเหตุที่จะงดการบังคับคดี ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
จำเลยอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ประเด็นข้อพิพาทมีว่า จำเลยได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์หรือไม่ ซึ่งประเด็นดังกล่าวศาลฎีกาได้วินิจฉัยไว้ว่า จำเลยไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์แล้วพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ภาค 1 ให้จำเลยและบริวารขนย้ายทรัพย์สินและรื้อถอนบ้านเลขที่ 16 ออกไปจากที่ดินของโจทก์ ซึ่งเป็นกรณีที่ศาลรับฟังคำรับของจำเลยตามที่ให้การไว้ มิใช่รับฟังจากพยานหลักฐานการรังวัดที่ดินพิพาทดังที่จำเลยกล่าวอ้าง การรับฟังพยานหลักฐานของศาลในคดีนี้จึงไม่ผิดระเบียบในอันที่จำเลยจะร้องขอให้เพิกถอนได้ ส่วนที่จำเลยอุทธรณ์ขอให้เพิกถอนการพิจารณาคดีทั้งหมดแล้วให้พิจารณาคดีใหม่ โดยกล่าวอ้างว่ามีพยานหลักฐานใหม่นั้น มิใช่เป็นเรื่องการดำเนินกระบวนพิจารณาผิดระเบียบแต่อย่างใด จึงไม่อาจมีการพิจารณาคดีเพื่อพิจารณาพยานหลักฐานใหม่ของจำเลยได้ ที่ศาลชั้นต้นให้ยกคำร้องของจำเลยนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ.