แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 1 แต่ผู้เดียวเข้าไปใช้อาวุธปืนยิง ส. ในบริเวณบ้าน เมื่อยิงแล้วจำเลยที่ 1 ได้วิ่งไปขึ้นนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ที่จำเลยที่ 2 จอดติดเครื่องรออยู่ห่างที่เกิดเหตุประมาณ 100 เมตรเศษ แล้วจำเลยที่ 2 ได้ขับรถจักรยานยนต์พาหนีไปทันที พฤติการณ์และการกระทำของจำเลยที่ 2 ดังกล่าวเป็นแต่เพียงการช่วยเหลือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1 ในการกระทำความผิดซึ่งเป็นความผิดซึ่งเป็นความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองได้บังอาจกระทำผิดกฎหมาย กล่าวคือ จำเลยที่ ๑ มีอาวุธปืนพกขนาด .๓๒ จำนวน ๑ กระบอก พร้อมด้วยกระสุน ๖ นัด ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ตามกฎหมาย และจำเลยทั้งสองโดยไตร่ตรองไว้ก่อนบังอาจร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงนางสมรผู้เสียหาย ๑ นัด โดยเจตนาฆ่ากระสุนปืนถูกผู้เสียหายที่หลังข้างซ้ายทะลุหน้าท้องด้านขวาได้รับอันตรายแก่กายสาหัส แต่ผู้เสียหายไม่ถึงแก่ความตายเนื่องจากแพทย์ทำการรักษาไว้ได้ทัน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๙, ๘๓, ๘๐, ๓๓ พระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯลฯ
จำเลยที่ ๑ ให้การรับสารภาพ
จำเลยที่ ๒ ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามฟ้อง จำเลยที่ ๑ ให้การรับสารภาพตลอดมา จำเลยที่ ๒ รับสารภาพชั้นสอบสวน ลดโทษให้ตามมาตรา ๗๘ ๒ ใน ๕ และ ๑ ใน ๕ ตามลำดับแล้ว คงจำคุกจำเลยที่ ๑ มีกำหนด ๓๐ ปี ๖ เดือน จำคุกจำเลยที่ ๒ มีกำหนด ๔๐ ปี ของกลางริบ
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยที่ ๒ เป็นแต่เพียงผู้สนับสนุนจำเลยที่ ๑ ในการกระทำความผิด พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ ๒ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๙ ประกอบมาตรา ๘๐, ๘๖, ๕๒ และ ๕๓ ให้ลงโทษจำคุกมีกำหนด ๓๓ ปี ๔ เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า จำเลยที่ ๑ แต่ผู้เดียวเข้าไปใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายทางเบื้องหลังขณะนั่งอยู่บนแคร่ในบริเวณบ้าน เมื่อยิงแล้วจำเลยที่ ๑ ได้วิ่งหนีออกไปที่ถนนสุขุมวิทห่างที่เกิดเหตุประมาณ ๑๐๐ เมตรเศษ ซึ่งเป็นที่จำเลยที่ ๒ ขี่รถจักรยานยนต์ติดเครื่องจอดรถอยู่บนถนนสุขุมวิท ซึ่งจำเลยที่ ๑ ขึ้นนั่งซ้อนท้ายรถได้แล้ว จำเลยที่ ๒ ได้ขับรถพาหนีไปในทันทีตามพฤติการณ์และการกระทำของจำเลยที่ ๒ ดังกล่าวเป็นแต่เพียงการช่วยเหลือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ ๑ ในการกระทำความผิดซึ่งเป็นความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๖ เท่านั้น
พิพากษายืน