คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 109/2544

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้ส่งตัวจำเลยไปฝึกอบรมที่ สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนมีกำหนด 2 ปี นับแต่ วันพิพากษาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 74(5) แล้ว ผู้ร้องทั้งสองซึ่งเป็นบิดามารดาของจำเลยยื่นคำร้องต่อศาลขอรับตัวจำเลยไปดูแลแทนการส่งตัวไปฝึกอบรมที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน โดยยอมปฏิบัติตามเงื่อนไขต่าง ๆที่ศาลจะกำหนด ถือได้ว่าเป็นกรณีที่พฤติการณ์เกี่ยวกับคำสั่งเดิมเปลี่ยนแปลงไปมีทางให้ศาลเลือกวิธีการที่เป็นผลดีแก่จำเลยมากกว่าวิธีการเดิม ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญามาตรา 74 วรรคท้าย เมื่อจำเลยยังต้องศึกษาเล่าเรียนต่อการมอบจำเลยให้ผู้ร้องทั้งสองไปโดยวางข้อกำหนดให้ผู้ร้องระวังจำเลยไม่ให้ก่อเหตุร้ายอีก จะเป็นผลดีกว่าการส่งตัวจำเลยไปฝึกอบรมที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(1)(7)(8) วรรคสาม (ที่ถูกเป็นวรรคสอง), 336 ทวิ, 83 จำเลยอายุไม่เกินสิบเจ็ดปีเห็นควรไม่พิพากษาลงโทษ แต่ให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 74(5)ให้ส่งตัวจำเลยไปฝึกอบรมที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนครสวรรค์ มีกำหนด 2 ปี นับแต่วันพิพากษา ริบของกลาง

ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องทั้งสองเป็นบิดามารดาของจำเลยมีอาชีพและรายได้เพียงพอที่จะเลี้ยงดูบุตร 2 คน ให้เรียนหนังสือได้จำเลยมีอายุเพียง 16 ปี ควรอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดีเพื่อจะได้ประพฤติตัวเป็นคนดีต่อไป หากส่งไปฝึกอบรมที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนครสวรรค์อาจพบเด็กเกเรจะทำให้จำเลยได้รับประสบการณ์ที่ไม่ดีกลับมา จึงขอรับตัวจำเลยไว้อบรมอุปการะเลี้ยงดูส่งเสียให้เรียนหนังสือต่อไป

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่ง ให้ยกคำร้อง

ผู้ร้องทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน

ผู้ร้องทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้ส่งตัวจำเลยไปฝึกอบรมที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนครสวรรค์มีกำหนด 2 ปี นับแต่วันพิพากษาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 74(5) แล้ว ผู้ร้องทั้งสองซึ่งเป็นบิดามารดาของจำเลยยื่นคำร้องต่อศาลขอรับตัวจำเลยไปดูแลแทนการส่งตัวไปฝึกอบรมที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนครสวรรค์ โดยยอมปฏิบัติตามเงื่อนไขต่าง ๆ ที่ศาลจะกำหนด ถือได้ว่าเป็นกรณีที่พฤติการณ์เกี่ยวกับคำสั่งเดิมเปลี่ยนแปลงไปมีทางให้ศาลเลือกใช้วิธีการที่จะเป็นผลดีแก่จำเลยมากกว่าวิธีการเดิมที่ได้สั่งไว้ ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 74 วรรคท้าย และเห็นว่าจำเลยยังจะต้องศึกษาเล่าเรียนต่อ การมอบจำเลยให้ผู้ร้องทั้งสองไปโดยวางข้อกำหนดให้ผู้ร้องระวังจำเลยไม่ให้ก่อเหตุร้ายขึ้นอีกจะเป็นผลดีว่าการส่งตัวจำเลยไปฝึกอบรมที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนครสวรรค์ ฎีกาของผู้ร้องทั้งสองฟังขึ้น”

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้มอบจำเลยให้แก่ผู้ร้องทั้งสอง ให้ผู้ร้องทั้งสองระวังจำเลยไม่ให้ก่อเหตุร้ายเป็นเวลา 2 ปี ถ้าผิดข้อกำหนดให้ผู้ร้องทั้งสองร่วมกันชำระเงินต่อศาลครั้งละ 1,000 บาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 74(2)

Share