คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 109/2516

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ออกเช็คให้ผู้อื่นเพื่อเป็นประกันหนี้ ต่อมาโจทก์ได้มอบเงินให้จำเลยไปชำระหนี้ตามเช็คนั้น แล้วรับเช็คมาแล้วจำเลยจึงเป็นผู้ครอบครองเช็คอันเป็นทรัพย์ของโจทก์ไว้ และไม่คืนให้โจทก์ อ้างว่าโจทก์ไม่ได้มอบเงินให้ไปชำระหนี้แทนซึ่งไม่เป็นความจริง แล้วนำเอาเช็คนั้นไปเบิกเงินจากธนาคารพฤติการณ์เช่นนี้ถือได้ว่า เป็นการเบียดบังเอาเช็คของโจทก์ไปโดยทุจริตการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานยักยอก
คดีที่คู่ความอุทธรณ์ได้แต่เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงฯ นั้น ข้อเท็จจริงต้องฟังเป็นยุติตามที่ศาลแขวงฯ ฟังมา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและเพิ่มเติมฟ้องว่า โจทก์เป็นหนี้เงินบริษัทโลหกิจอยู่๑๓,๖๙๘ บาท จึงออกเช็คสั่งจ่ายเงิน ๓ ฉบับมอบให้บริษัทโลหกิจ ครั้นต่อมาโจทก์ได้มอบเงินจำนวน ๑๓,๖๙๘ บาท ให้จำเลยไปชำระหนี้ตามเช็ค ๓ ฉบับดังกล่าวนั้น และมอบหมายให้จำเลยรับเช็ค ๓ ฉบับนี้จากเจ้าหนี้มาคืนให้โจทก์จำเลยได้นำเงินไปชำระให้แก่บริษัทโลหกิจแล้ว และพนักงานบริษัทได้มอบเช็ค๓ ฉบับดังกล่าวให้จำเลยเพื่อนำมาคืนให้โจทก์ แต่จำเลยกลับมีเจตนาทุจริตยักยอกเอาเช็ค ๓ ฉบับนั้นไว้เป็นประโยชน์ส่วนตัว ไม่คืนให้โจทก์ โดยอ้างว่าโจทก์เป็นหนี้จำเลยอยู่แล้วนำเช็คไปขอเบิกเงินจากธนาคาร ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินและจำเลยได้ไปแจ้งความหาว่าโจทก์ออกเช็คให้จำเลยด้วยเจตนาไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค โจทก์ขอเช็คคืน จำเลยก็ไม่ยอมคืนให้ ทำให้โจทก์เสียหาย ขอคิดราคาค่าเช็ค ๓ ฉบับเป็นเงิน ๑๕,๐๐๐ บาท จึงขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๒ กับให้จำเลยคืนเช็ค ๓ ฉบับนั้นถ้าคืนไม่ได้ให้ใช้ราคาเป็นเงิน ๑๕,๐๐๐ บาท
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วสั่งรับฟ้อง
จำเลยให้การว่า จำเลยเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย โดยรับโอนมาจากผู้มีชื่อ ไม่ได้นำเงินของโจทก์ไปไถ่ถอนเช็คแทนโจทก์ โจทก์เป็นผู้สั่งจ่ายมอบเช็คให้ผู้อื่นไปแล้วโจทก์จึงไม่ใช่เจ้าของตั๋วเงินต่อไป ความผิดฐานยักยอกจึงมีไม่ได้ และการที่บุคคลซึ่งไม่ใช่ผู้ทรงโดยชอบ นำเช็คไปขึ้นเงิน ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นการเบียดบัง เช็ค ๓ ฉบับมีราคาไม่เกิน ๑ บาท
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานยักยอกคงผิดสัญญาในทางแพ่งที่ไม่คืนเช็คให้โจทก์เท่านั้น พิพากษายกฟ้อง ให้จำเลยคืนเช็ค ๓ ฉบับแก่โจทก์ ที่ขอให้ใช้ราคายก เพราะเช็คอยู่ในสำนวนของศาลที่โจทก์จะมาขอรับเอาไปได้แล้ว
โจทก์อุทธรณ์ว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานยักยอก
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๕๒ ให้จำคุก ๑ ปี แต่ให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด ๒ ปี ตามมาตรา ๕๖นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ ศาลแขวงฯ พิพากษายกฟ้อง คู่ความจะอุทธรณ์ได้แต่เฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. ๒๔๙๕ มาตรา ๒๒ แก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๐๓ มาตรา ๑๐ ส่วนข้อเท็จจริงต้องฟังเป็นยุติตามที่ศาลแขวงฯฟังมา ว่าโจทก์ได้มอบเงินให้จำเลยไปชำระหนี้แก่บริษัทโลหกิจ จำกัด แล้วรับเช็คซึ่งโจทก์สั่งจ่ายให้บริษัทโลหกิจเป็นประกันหนี้มาคืนโจทก์ จำเลยรับเช็คมาแล้วไม่นำมาคืนโจทก์ แต่กลับนำไปยื่นแก่ธนาคารเพื่อให้ใช้เงิน ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน คงมีปัญหาว่าการกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นความผิดอาญาฐานยักยอก หรือเป็นเพียงผิดสัญญาในทางแพ่ง
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า เช็คพิพาทเป็นเช็คที่โจทก์ออกให้บริษัทโลหกิจ จำกัดเพื่อเป็นประกันหนี้ ครั้นต่อมาโจทก์ได้ชำระหนี้ให้แล้ว โจทก์ก็ชอบที่จะได้รับเช็คกลับคืนมา ซึ่งจำเลยก็รับว่าบริษัทโลหกิจ จำกัด ได้มอบเช็คของโจทก์ให้จำเลยจำเลยจึงเป็นผู้ครอบครองเช็คอันเป็นทรัพย์ของโจทก์ไว้และไม่คืนให้โจทก์กลับอ้างว่าโจทก์ไม่ได้มอบเงินให้ไปชำระหนี้แทน ซึ่งไม่เป็นความจริง แล้วนำเอาเช็คของโจทก์ไปเบิกเงินจากธนาคาร พฤติการณ์เช่นนี้ถือได้ว่าเป็นการเบียดบังเอาเช็คของโจทก์ไปโดยทุจริต การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดอาญาฐานยักยอก
พิพากษายืน

Share