คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 109/2498

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความผิดที่จะเป็นเหตุให้เพิ่มโทษเป็นทวีคูณตามความใน มาตรา 74 นั้น จะต้องเป็นความผิดที่อยู่ในประเภท(หมวด)เดียวกับความผิดในครั้งก่อน
จำเลยเคยต้องโทษฐานลักทรัพย์พ้นโทษแล้วมากระทำผิดครั้งนี้ขึ้นอีกคือลักทรัพย์และหน่วงเหนี่ยวเพื่อเรียกสินไถ่สำหรับความผิดครั้งนี้แม้ศาลพิพากษาว่าจำเลยผิดตาม มาตรา 294 ซึ่งอยู่ในหมวดว่าด้วยการประทุษร้ายต่อทรัพย์และมาตรา 270 ซึ่งอยู่ในหมวดว่าด้วยการทำให้เสื่อมเสียอิสรภาพแต่เมื่อศาลให้ลงโทษจำเลยตาม มาตรา 270 ซึ่งเป็นบทหนักแต่มาตราเดียวดังนี้ความผิดของจำเลยในครั้งนี้จึงเป็นความผิดซึ่งปรับอยู่ในหมวดว่าด้วยการทำให้เสื่อมเสียอิสรภาพเท่านั้นและเป็นความผิดคนละหมวดกับความผิดครั้งก่อนซึ่งอยู่ในหมวดว่าด้วยการประทุษร้ายต่อทรัพย์ ดังนี้จะเพิ่มโทษจำเลยตาม มาตรา 74 ไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองเป็นสามีภรรยากัน เป็นคนใช้ในบ้านนายร้อยตำรวจเอกชัย ได้สมคบกันลักทรัพย์ต่าง ๆ รวมราคา 4,965 บาทและได้สมคบกันใช้กำลังพาเอา ด.ญ.ปุ๊ อายุ 2 ขวบ บุตรนายร้อยตำรวจเอกชัยไปหน่วงเหนี่ยวกักขังเพื่อสินไถ่

ก่อนคดีนี้นายวุฒิจำเลยที่ 1 เคยต้องคำพิพากษาจำคุกฐานประทุษร้ายต่อทรัพย์มาแล้ว 2 ครั้งไม่เข็ดหลาบตามใบแดงแจ้งโทษขอให้ลงโทษตาม กฎหมายอาญา มาตรา 293, 294, 270, 63, 74 ฯลฯ พระราชบัญญติกักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย พ.ศ. 2479 มาตรา 4, 8, 9เพิ่มโทษกักกันและนับโทษต่อจากคดีแดงที่ 959/2496

จำเลยทั้งสองรับสารภาพ นายวุฒิจำเลยที่ 1 รับว่าเคยต้องโทษตามใบแดงแจ้งโทษท้ายฟ้องจริง ระหว่างพิจารณา นายวุฒิ กลับแถลงต่อศาลว่าเท่าที่ให้การรับสารภาพนั้นไม่ได้รับสารภาพเรื่องเรียกค่าสินไถ่ต่อมาแถลงต่อศาลอีกว่าบัดนี้ไม่ติดใจต่อสู้แล้ว ขอรับสารภาพทุกประการ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตาม กฎหมายอาญา มาตรา 270 ตามที่ได้แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2477 (ฉบับที่ 4) มาตรา 3 กับ มาตรา 294 ตอนท้ายให้ลงโทษตาม มาตรา 270 ซึ่งเป็นบทหนัก จำคุกคนละ 15 ปี เพิ่มโทษนายวุฒิจำเลยที่ 1 ตาม มาตรา 74 ทวีคูณเป็นจำคุก 30 ปี จำเลยรับสารภาพลดให้กึ่งคงจำคุกนายวุฒิ 15 ปี นางสมจิตร 7 ปี 6 เดือน นายวุฒิจำเลยที่ 1 ต้องโทษจำคุกตามคำพิพากษามาแล้วสองครั้งและเป็นความผิดเข้าลักษณะเหตุร้ายตาม พระราชบัญญัติกักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้ายเมื่อพ้นโทษแล้ว ให้ส่งไปกักกันมีกำหนด 5 ปี การนับโทษจำเลยทั้งสองให้นับโทษต่อคดีแดงที่ 959/2496 ฯลฯ

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่าคดีนี้เป็นปัญหาเฉพาะการเพิ่มโทษนายวุฒิจำเลยที่ 1 ว่าจะเพิ่มโทษตาม กฎหมายอาญา มาตรา 74 ทวีคูณได้หรือไม่ เห็นว่าคดีนี้ศาลพิพากษาว่าจำเลยผิดตาม มาตรา 270 กับ มาตรา 294 แต่ให้ลงโทษตามมาตรา 270 ซึ่งเป็นบทหนัก กล่าวคือศาลมิได้ใช้ มาตรา 294 อันเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ซึ่งอยู่ในหมวดประทุษร้ายต่อทรัพย์เป็นบทลงโทษจำเลยแต่ใช้ มาตรา 270 ซึ่งอยู่ในหมวดว่าด้วยการทำให้เสื่อมเสียอิสระภาพเป็นบทลงโทษจำเลย ความผิดเดิมของจำเลยทั้งสองครั้งอยู่ในหมวดว่าด้วยการประทุษร้ายต่อทรัพย์ทั้งสองครั้ง แต่ความผิดครั้งนี้เป็นความผิดอยู่ในหมวดว่าด้วยการทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพจึงเป็นความผิดคนละหมวดคนละประเภท จะเพิ่มโทษนายวุฒิจำเลยที่ 1 ได้เฉพาะบท มาตรา 72 เพียง 1 ใน 3 ส่วนเท่านั้น

อนึ่งปรากฏว่าตามสำนวนคดีแดงของศาลชั้นต้นที่ 959/2496 ศาลในคดีนั้นได้พิพากษาเพิ่มโทษกักกันนายวุฒิจำเลยที่ 1 ตามพระราชบัญญัติกักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้ายและคดีถึงที่สุดแล้ว พิพากษาแก้เฉพาะนายวุฒิจำเลยที่ 1 ให้เพิ่มโทษตาม กฎหมายอาญา มาตรา 72 จากโทษจำคุก 15 ปี ตาม มาตรา 270 ที่ได้ลงโทษมานั้นเป็น 20 ปี และปราณีตาม มาตรา 59 คงเหลือโทษจำคุก 10 ปี โดยไม่ต้องเพิ่มโทษกักกันตาม พระราชบัญญัติผู้มีสันดานเป็นผู้ร้ายในคดีนี้อีก นอกจากนี้ยืน

Share