แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ข้อเท็ดจิงรับกันว่า บิดาโจทมีชื่อไนโฉนดที่นา แต่จำเลยครอบครองนาแปลงนี้มา 10 ปีเสสแล้ว โจทคงเถียงว่า บิดาโจทมอบมาไห้จำเลยทำต่างดอกเบี้ย ฝ่ายจำเลยว่าขายขาดไห้จำเลยโดยทำหนังสือกันเอง และจำเลยได้ครอบครองปรปักส์มา เช่นนี้จำเลยต้องนำสืบ.
ย่อยาว
โจทจำเลยรับกันว่า บิดาโจทมีชื่อไนโฉนดที่นารายพิพาท แต่จำเลยครอบครองนาแปลงนี้มา ๑๐ ปีเสสแล้วโจทนำสืบ่วาบิดาโจทมอบที่นาแปลงนี้ไห้จำเลยทำต่างดอกเบี้ยเงินกู้จากจำเลย ฝ่ายจำเลยนำสืบว่าบิดาโจทขายขาดไห้จำเลยโดยทำหนังสือกันเองและจำเลยครอบครองปรปักส์มา สาลชั้นต้นเชื่อน้ำหนักพยานฝ่ายจำเลย จึงพิพากสาไห้ที่นาตกเปนของจำเลยตามประมวนกดหมายแพ่งและพานิชมาตรา ๑๓๘๒
โจทอุธรน์ สาลอุธรน์เห็นว่า จำเลยมีหน้าที่นำสืบหักล้างสิทธิของบิดาโจทที่มีชื่อไนโฉนด แต่จำเลยสืบไม่สมจึงพิพากสากลับไห้ยกฟ้อง
จำเลยดีกา สาลดีกาเห็นว่าตามหลักถานไนทเบียนบิดาโจทมีชื่อเปนเจ้าของกัมสิทธิและเปนผู้มอบไห้จำเลยครอบครอง จำเลยต่อสู้ว่าครอบครองปรปักส์ซึ่งต้องนำสืบไห้สมข้ออ้างของจำเลยที่ว่าบิดาโจทขายขาดที่นาไห้จำเลยแล้ว จำเลยมีแต่พยานบุคคล ไม่มีหนังสือสัญญามาสแดงโดยอ้างว่าสัญญาหาย รูปคดีน่าเชื่อพยานฝ่ายโจท จึงพิพากสายืนตามสาลอุธรน์.