แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1169 วรรคหนึ่ง บัญญัติให้อำนาจผู้ถือหุ้นมีอำนาจฟ้องร้องเอาค่าสินไหมทดแทนจากผู้เป็นกรรมการบริษัทที่ทำให้เกิดเสียหายแก่บริษัทได้ การที่จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ซึ่งเป็นกรรมการบริษัท บ. สมคบกันในการประชุมกรรมการบริษัทและมีมติให้ขายที่ดินของบริษัทให้แก่จำเลยทั้งแปดซึ่งเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นของบริษัทและบุคคลภายนอกในราคาต่ำกว่าราคาประเมินและราคาตามท้องตลาดทำให้บริษัทเสียหาย เป็นการกระทำโดยทุจริตสมคบกันเบียดบังเอาทรัพย์สินของบริษัทมาเป็นของตนเองหรือผู้อื่นอันเป็นการกระทำละเมิดต่อบริษัท เมื่อบริษัทไม่ยอมฟ้องร้องจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ซึ่งเป็นกรรมการบริษัท โจทก์ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัท บ. ย่อมมีอำนาจฟ้องร้องจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ซึ่งเป็นกรรมการได้แต่โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 5 ถึงที่ 8 ซึ่งมิได้เป็นกรรมการบริษัท บ.
ส่วนที่โจทก์ขอให้บังคับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ซึ่งเป็นกรรมการบริษัทโอนที่ดินคืนให้แก่บริษัทหากโอนคืนไม่ได้ให้ใช้ค่าเสียหายเท่ากับราคาที่ดินนั้นเข้าหลักเกณฑ์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1169 วรรคหนึ่ง เพราะการคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ก็จัดเป็นค่าสินไหมทดแทนเพื่อละเมิดดังที่บัญญัติไว้ใน ป.พ.พ. มาตรา 438 วรรคสอง ด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 เป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัทบ่านหงวนตินไมนิ่ง จำกัด ส่วนโจทก์เป็นผู้ถือหุ้น จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 สมคบกันประชุมกรรมการบริษัทรวม 5 ครั้ง มีมติอนุมัติให้ขายที่ดินของบริษัทให้แก่กรรมการผู้ถือหุ้นและบุคคลภายนอก คือจำเลยที่ 1 ถึงที่ 8 โดยขายให้แก่จำเลยที่ 1 และที่ 2 รวม 25 แปลง และขายให้แก่จำเลยที่ 3 ถึงที่ 8 รวม 19 แปลง ในราคาไร่ละ 50,000 บาท ซึ่งเป็นราคาต่ำกว่าราคาประเมินและราคาตามท้องตลาดทำให้บริษัทเสียหาย เป็นการกระทำโดยทุจริตสมคบกันเบียดบังเอาทรัพย์สินของบริษัทมาเป็นของตนและผู้อื่น เป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมายและละเมิดต่อบริษัท บริษัทไม่สามารถฟ้องกรรมการได้ โจทก์ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทจึงฟ้องคดีนี้ขอให้บังคับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 8 โอนที่ดินทั้ง 44 แปลง คืนให้แก่บริษัทบ่านหงวนตินไมนิ่ง จำกัด โดยจำเลยที่ 1 ถึงที่ 8 เป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย หากจำเลยที่ 1 ถึงที่ 8 ไม่ไปโอนให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา หากจำเลยที่ 1 ถึงที่ 8 ไม่สามารถโอนที่ดินได้ ให้ร่วมกันหรือแทนกันชดใช้ค่าเสียหายแก่บริษัทบ่านหงวนตินไมนิ่ง จำกัด เป็นเงิน 260,500,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 17 กันยายน 2538 จนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้การว่า กระทำโดยสุจริตภายใต้ขอบเขตวัตถุประสงค์และข้อบังคับของบริษัท จำเลยที่ 1 และที่ 2 ซื้อที่ดินพิพาทและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่โดยสุจริต โจทก์เป็นผู้ถือหุ้นไม่มีกฎหมายสนับสนุนให้ฟ้องได้โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 3 ที่ 4 และที่ 6 ให้การทำนองเดียวกันว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องและฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 5 ที่ 7 และที่ 8 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ระหว่างพิจารณา จำเลยที่ 2 และที่ 4 ถึงแก่กรรม นางสันทนาภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลยที่ 2 และนางสาวพัชราบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลยที่ 4 ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทน ตามลำดับ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลยทั้งแปดโดยกำหนดค่าทนายความ 50,000 บาท
โจทก์อุทธรณ์
ระหว่างพิจารณาจำเลยที่ 3 ถึงแก่กรรม นางปิยาภรณ์ภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลยที่ 3 ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทน ศาลอุทธรณ์ภาค 8 อนุญาต
ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา จำเลยที่ 1 ถึงแก่กรรม โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลฎีกาเรียกนางอมรรัตน์และนายไพบูลย์ผู้จัดการมรดกของจำเลยที่ 1 เข้าเป็นคู่ความแทน ศาลฎีกาอนุญาต
ศาลฎีกาแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาข้อกฎหมายที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า โจทก์ในฐานะผู้ถือหุ้นของบริษัทบ่านหงวนตินไมนิ่ง จำกัด มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งแปดเป็นคดีนี้หรือไม่ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1169 วรรคหนึ่ง ได้บัญญัติเกี่ยวกับอำนาจฟ้องคดีของผู้ถือหุ้นในกรณีกรรมการทำให้เกิดความเสียหายแก่บริษัทว่า “ถ้ากรรมการทำให้เกิดเสียหายแก่บริษัท บริษัทจะฟ้องร้องเรียกเอาสินไหมทดแทนแก่กรรมการก็ได้ หรือในกรณีที่บริษัทไม่ยอมฟ้องร้อง ผู้ถือหุ้นคนหนึ่งคนใดจะเอาคดีนั้นขึ้นว่าก็ได้” คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งแปดในข้อหาละเมิดโดยยกข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาว่า โจทก์เป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทบ่านหงวนตินไมนิ่ง จำกัด จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ซึ่งเป็นกรรมการของบริษัทดังกล่าวได้สมคบกันในการประชุมกรรมการบริษัทรวม 5 ครั้ง และมีมติอนุมัติให้ขายที่ดินของบริษัทให้แก่จำเลยทั้งแปดซึ่งเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นของบริษัทและบุคคลภายนอกโดยอนุมัติขายให้แก่จำเลยที่ 1 และที่ 2 รวม 25 แปลง กับขายให้แก่จำเลยที่ 3 ถึงที่ 8 รวม 19 แปลง ตามที่ระบุไว้ในฟ้อง ในราคาไร่ละ 50,000 บาท ซึ่งเป็นราคาต่ำกว่าราคาประเมินและราคาตามท้องตลาดทำให้บริษัทเสียหาย เป็นการกระทำโดยทุจริต สมคบกันเบียดบังเอาทรัพย์สินของบริษัทมาเป็นของตนเองและผู้อื่น ซึ่งเป็นการกระทำละเมิดต่อบริษัท ขอให้บังคับจำเลยทั้งแปดโอนที่ดินทั้ง 44 แปลงตามฟ้องคืนให้แก่บริษัท หากไม่สามารถโอนที่ดินดังกล่าวคืนได้ให้จำเลยทั้งแปดร่วมกันใช้ค่าเสียหายเท่ากับราคาของที่ดินทั้ง 44 แปลงในราคาไร่ละ 500,000 บาท รวมเป็นเงิน 260,500,000 บาท ให้แก่บริษัทบ่านหงวนตินไมนิ่ง จำกัด พร้อมดอกเบี้ย ซึ่งจะเห็นได้ว่าตามคำฟ้องของโจทก์ดังกล่าวเป็นการกล่าวหาว่าจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ซึ่งเป็นกรรมการบริษัทบ่านหงวนตินไมนิ่ง จำกัด ได้สมคบกันในการประชุมกรรมการบริษัทและมีมติให้ขายที่ดินให้แก่จำเลยทั้งแปดซึ่งเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นของบริษัท และบุคคลภายนอกในราคาต่ำกว่าราคาประเมินและราคาตามท้องตลาดทำให้บริษัทเสียหาย เป็นการกระทำโดยทุจริตสมคบกันเบียดบังเอาทรัพย์สินของบริษัทมาเป็นของตนเองหรือผู้อื่นอันเป็นการกระทำละเมิดต่อบริษัทจึงเป็นกรณีที่กล่าวอ้างว่ากรรมการทำให้เกิดความเสียหายแก่บริษัท เมื่อปรากฏว่าบริษัทไม่ยอมฟ้องร้องจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ซึ่งเป็นกรรมการบริษัท โจทก์ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทบ่านหงวนตินไมนิ่ง จำกัด ย่อมมีอำนาจเอาคดีนี้ขึ้นว่ากล่าวฟ้องร้องแก่จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ซึ่งเป็นกรรมการบริษัทได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1169 วรรคหนึ่ง ดังกล่าวข้างต้น แต่โจทก์หามีอำนาจฟ้องเอาแก่จำเลยที่ 5 ถึงที่ 8 ซึ่งมิได้เป็นกรรมการบริษัทได้ ทั้งนี้เพราะตามมาตรา 1169 วรรคหนึ่ง ดังกล่าวบัญญัติให้อำนาจโจทก์ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นมีอำนาจฟ้องร้องเอาค่าสินไหมทดแทนแก่บริษัทได้เฉพาะผู้ที่เป็นกรรมการบริษัทเท่านั้น คดีนี้ตามคำขอบังคับของโจทก์อาจแบ่งได้เป็น 2 ส่วน ส่วนแรก โจกท์ขอให้บังคับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ซึ่งเป็นกรรมการบริษัทโอนที่ดินมีโฉนดรวม 11 แปลง ซึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลกระทู้ อำเภอกระทู้ จังหวัดภูเก็ต คือที่ดินโฉนดเลขที่ 138 เลขที่ 140 เลขที่ 228 เลขที่ 248 เลขที่ 251 เลขที่ 247 เลขที่ 385 เลขที่ 406 เลขที่ 478 เลขที่ 479 และเลขที่ 480 กับที่ดินมี น.ส.3 ก ซึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลกระทู้ อำเภอกระทู้ จังหวัดภูเก็ต รวม 14 แปลง คือ น.ส.3 ก. เลขที่ 244 เลขที่ 247 เลขที่ 248 เลขที่ 256 เลขที่ 257 เลขที่ 258 เลขที่ 530 เลขที่ 461 เลขที่ 462 เลขที่ 1592 เลขที่ 1594 เลขที่ 1956 (ที่ถูก 1596) เลขที่ 245 และเลขที่ 261 รวมเนื้อที่ทั้งหมด 287 ไร่ 1 งาน 49.10 ตารางวา คืนให้แก่บริษัท หากไม่สามารถโอนที่ดินคืนให้แก่บริษัทได้ ให้ใช้ค่าเสียหายเท่ากับราคาที่ดินทั้ง 25 แปลง ดังกล่าวในอัตราราคาไร่ละ 500,000 บาท เป็นเงินทั้งสิ้น 143,686,375 บาท แก่บริษัทบ่านหงวนตินไมนิ่ง จำกัด ซึ่งคำฟ้องของโจทก์ส่วนแรกนี้ย่อมเข้าหลักเกณฑ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1169 วรรคหนึ่ง ดังกล่าวข้างต้นทุกประการ ที่โจทก์มีอำนาจฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ซึ่งเป็นกรรมการบริษัทโอนที่ดินทั้ง 25 แปลงดังกล่าวคืนให้แก่บริษัท หรือหากไม่สามารถโอนคืนได้ก็ให้ใช้ราคาที่ดินได้ เพราะการคืนหรือใช้ราคาทรัพย์นั้นก็จัดเป็นค่าสินไหมทดแทนเพื่อละเมิดดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 438 วรรคสอง ด้วย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 วินิจฉัยว่า การที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้โอนที่ดินคืนแก่บริษัทมิใช่เป็นการฟ้องเพื่อเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนจากกรรมการบริษัทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1169 วรรคหนึ่ง นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ส่วนนี้ฟังขึ้น
สำหรับคำฟ้องของโจทก์ในส่วนที่สองเกี่ยวกับคำขอบังคับที่โจทก์ขอให้บังคับเอาแก่จำเลยที่ 3 ถึงที่ 8 นั้น โจทก์กล่าวในคำฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 กรรมการของบริษัทบ่านหงวนตินไมนิ่ง จำกัด ได้สมคบกันประชุมมีมติให้บริษัทโอนขายที่ดิน น.ส.3 ก. ซึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลกระทู้ อำเภอกระทู้ จังหวัดภูเก็ต ของบริษัทฯ ให้แก่จำเลยที่ 3 ถึงที่ 8 รวม 19 แปลง คืนที่ดิน น.ส.3 ก. เลขที่ 67 เลขที่ 246 เลขที่ 259 เลขที่ 260 เลขที่ 262 เลขที่ 263 เลขที่ 264 เลขที่ 265 เลขที่ 267 เลขที่ 268 เลขที่ 269 เลขที่ 346 เลขที่ 403 เลขที่ 1593 เลขที่ 1595 เลขที่ 1597 เลขที่ 3886 เลขที่ 4756 และเลขที่ 4757 รวมเนื้อที่ 233 ไร่ 3 งาน 36 ตารางวา ในราคาที่ต่ำกว่าราคาประเมินและราคาอันแท้จริงในท้องตลาดมาก อันเป็นการกระทำโดยทุจริต สมคบกันเบียดบังเอาทรัพย์ของบริษัทมาเป็นของตนเองหรือผู้ซื้อซึ่งเป็นการกระทำละเมิดต่อบริษัทฯ และขอให้บังคับจำเลยที่ 3 ถึงที่ 8 โอนที่ดิน น.ส.3 ก. ทั้ง 19 แปลง ดังกล่าวคืนให้แก่บริษัท หากไม่สามารถโอนที่ดินดังกล่าวคืนให้แก่บริษัทได้ ก็ให้ใช้ค่าเสียหายเท่ากับราคาที่ดินในอัตราไร่ละ 500,000 บาท เป็นเงิน 116,500,000 บาท แก่บริษัทบ่านหงวนตินไมนิ่ง จำกัด นั้น เห็นว่า คำขอบังคับในส่วนที่เกี่ยวกับการบังคับให้จำเลยที่ 5 ถึงที่ 8 ซึ่งมิใช่กรรมการบริษัทให้รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บริษัทนั้น ย่อมไม่เข้าหลักเกณฑ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1169 วรรคหนึ่ง ซึ่งโจทก์เป็นผู้ถือหุ้นจะฟ้องจำเลยที่ 5 ถึงที่ 8 ได้ดังที่ได้วินิจฉัยมาข้างต้น สำหรับคำขอของโจทก์ที่ขอให้บังคับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ซึ่งเป็นกรรมการบริษัทรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บริษัทนั้น เฉพาะในส่วนที่ให้บังคับจำเลยที่ 3 และที่ 4 ซึ่งเป็นกรรมการบริษัทรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บริษัทด้วยการชดใช้ราคาที่ดินทั้ง 19 แปลง เป็นเงิน 116,500,000 บาท นั้น จึงเข้าหลักเกณฑ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1169 วรรคหนึ่ง ที่โจทก์ในฐานะผู้ถือหุ้นจะฟ้องจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ให้ร่วมกันรับผิดแก่บริษัทดังกล่าวได้ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องในส่วนนี้ แต่สำหรับคำขอของโจทก์ที่ขอให้บังคับจำเลยที่ 3 และที่ 4 ร่วมกับจำเลยที่ 5 ถึงที่ 8 โอนที่ดินคืนให้แก่บริษัทนั้น เนื่องจากจำเลยที่ 5 ถึงที่ 8 ผู้ร่วมรับโอนกับจำเลยที่ 3 และที่ 4 ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมกันนั้น เมื่อจำเลยที่ 5 ถึงที่ 8 มิได้เป็นกรรมการบริษัทด้วย กรณีจึงไม่เข้าหลักเกณฑ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1169 วรรคหนึ่ง ที่โจทก์จะฟ้องบังคับจำเลยที่ 5 ถึงที่ 8 ให้ร่วมรับผิดตามคำขอส่วนนี้ได้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 5 ถึงที่ 8 ให้ร่วมกันรับผิดโอนที่ดินทั้ง 19 แปลง คืนให้แก่บริษัทดังกล่าวได้ ฎีกาข้อนี้ของโจทก์ฟังขึ้นบางส่วน ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ข้อต่อไปมีว่า จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 กระทำละเมิด ทำให้บริษัทบ่านหงวนตินไมนิ่ง จำกัด และผู้ถือหุ้น (รวมทั้งโจทก์) เสียหายหรือไม่เพียงใด ซึ่งปัญหาดังกล่าวศาลอุทธรณ์ภาค 8 ยังมิได้วินิจฉัย เพื่อให้คดีได้มีการวินิจฉัยมาตามลำดับชั้นศาล จึงเห็นสมควรย้อนสำนวนให้ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243 (1) ประกอบมาตรา 247 และเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมสมควรคืนค่าขึ้นศาลในชั้นนี้ทั้งหมดให้แก่โจทก์เสียด้วย”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 เฉพาะส่วนที่พิพากษายกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 เกี่ยวกับคำขอบังคับให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 โอนหรือใช้ราคาที่ดินที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 รับโอนจากบริษัทบ่านหงวนตินไมนิ่ง จำกัด รวม 25 แปลง ตามฟ้องคืนให้แก่บริษัทดังกล่าว และในส่วนที่เกี่ยวกับคำขอบังคับให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ใช้ราคาที่ดินที่จำเลยที่ 3 ถึงที่ 8 รับโอนจากบริษัทดังกล่าวนั้นทั้ง 19 แปลง ตามฟ้องให้แก่บริษัทนั้นด้วย ให้ศาลอุทธรณ์ภาค 8 วินิจฉัยปัญหาที่ว่า จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 กระทำละเมิดทำให้บริษัทบ่านหงวนตินไมนิ่ง จำกัด และผู้ถือหุ้นรวมทั้งโจทก์เสียหายหรือไม่ เพียงใด แล้วมีคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 คืนค่าขึ้นศาลในชั้นนี้ทั้งหมดให้โจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมนอกจากนี้ให้เป็นพับ