แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อจำเลยให้การรับว่า ได้ทำหนังสือสัญญากู้เงินให้โจทก์ไว้จริง จำเลยจะขอนำสืบตามข้อต่อสู้ว่า หนังสือสัญญากู้นั้นทำขึ้นแทนหนังสือวางเงินมัดจำในการที่จำเลยขายที่ดินให้โจทก์ไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 94
จำเลยฎีกาอ้างว่า จำเลยมีสิทธินำสืบได้ว่า ได้มีการโอนที่ดินใช้หนี้เงินกู้ให้แก่โจทก์อันเป็นการชำระหนี้อย่างอื่นแทนเงินกู้ให้แก่โจทก์แล้ว แต่ในคำให้การของจำเลยมิได้กล่าวตั้งเป็นประเด็นข้อนี้ไว้โดยชัดแจ้ง ก็ไม่มีประเด็นที่จำเลยจะนำสืบในข้อนี้ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำหนังสือสัญญากู้เงินโจทก์ ๒,๐๐๐ บาท ยอมให้ดอกเบี้ยร้อยละ ๑.๒๕ บาทต่อเดือน กำหนดชำระต้นเงิน ๒๙ ม.ค.๐๕ ถึงกำหนดชำระแล้วจำเลยขอผัดตลอดมา ขอให้ศาลบังคับใช้ต้นเงินและดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า เมื่อปลายปี พ.ศ.๒๕๐๓ โจทก์ขอซื้อที่ดินจากจำเลยเป็นเงิน ๑,๕๐๐ บาท ก่อนไปโอนขายที่อำเภอโจทก์ขอให้จำเลยทำหนังสือสำคัญไว้ แต่ไม่มีใครทำหนังสือมัดจำเป็น จึงได้ทำเป็นหนังสือกู้ยืมเงินว่า จำเลยกู้ยืมเงินโจทก์ไป ๑,๕๐๐ บาท ต่อมาโจทก์ยังได้ซื้อที่ดินจากจำเลยเพิ่มอีก โดยเพิ่มเงินอีก ๕๐๐ บาท ได้ทำสัญญกู้ขึ้นใหม่อีกฉบับหนึ่ง รวมเป็น ๒,๐๐๐ บาท จำเลยขอสัญญาฉบับเดิมคืน โจทก์บ่ายเบี่ยงต่าง ๆ นานา ครั้นเดือนมกราคม ๒๕๐๕ จำเลยได้โอนขายที่ดินดังกล่าวให้โจทก์ตามที่ตกลงกันโดยไม่มีการชำระเงินอีก แต่จำเลยขอสัญญากู้ ๒ ฉบับมาทำลาย โจทก์กลับว่าสัญญาสูญหาย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นเห็นว่า ตามคำให้การจำเลยไม่มีประเด็นที่จะนำสืบ สั่งงดสืบพยานแล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงินตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปรากฎในคำให้การของจำเลยเองก็รับตามฟ้องอยู่แล้วว่า จำเลยได้ทำหนังสือสัญญากู้เงิน ๒,๐๐๐ บาทให้โจทก์ไว้จริง จำเลยจะนำสืบการใช้เงินได้ก็ต่อเมื่อมีหลักฐานเป็นหนังอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงลายมือชื่อผู้ให้ยืมมาแสดง หรือเอกสารอันเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมนั้นได้เวนคืนแล้ว หรือได้แทงเพิกถอนลงในเอกสารนั้นแล้วตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๕๓ วรรค ๒
ตามคำให้การของจำเลยมิได้อ้างว่าสัญญากู้นั้นเป็นเอกสารปลอมหรือไม่ถูกต้องทั้งหมดหรือแต่บางส่วน หรือสัญญาหรือหนี้ที่ระบุไว้ในเอกสารนั้นไม่สมบูรณ์อันจะเข้าข้อยกเว้นในนำสืบพยานบุคคลได้ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๙๔
ข้อที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยมีสิทธินำสืบได้ว่าได้มีการโอนที่ดินใช้หนี้เงินกู้ให้แก่โจทก์อันเป็นการชำระหนี้อย่างอื่นแทนเงินให้แก่โจทก์แล้วนั้น ในคำให้การของจำเลยก็มิได้กล่าวตั้งเป็นประเด็นข้อนี้ไว้โดยชัดแจ้ง จึงไม่มีประเด็นที่จำเลยจะนำสืบในข้อนี้ได้
ตามคำให้การของจำเลยทำนองที่ว่าเอกสารกู้ฉบับนี้ทำขึ้นแทนหนังสือวางเงินมัดจำในการที่จำเลยขายที่ดินให้โจทก์นั้น จำเลยก็ไม่มีสิทธิจะนำสืบตามข้อต่อสู้นี้ได้ เพราะเป็นการนำสืบที่ต้องห้ามตามมาตรา ๙๔ แห่งบทกฎหมายที่กล่าวมาแล้วนั้นอีก (อ้างฎีกาที่ ๒๘๘/๒๕๐๓)
พิพากษายืน