แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความผิดซึ่งหน้าได้กระทำขึ้นในที่ระโหฐาน กำนันเป็นเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองมีอำนาจที่จับผู้กระทำผิดตามความในมาตรา 78(1) แห่ง ป.ม.วิ.อาญา โดยไม่มีหมายจับ และมีอำนาจที่จะเข้าค้นจับในที่ระโหฐานโดยไม่มีหมายค้นตามมาตรา 92 ได้
โจทก์กับพวกได้สมคบกันต้มกลั่นสุราเถื่อนในเวลากลางคืน จำเลยเป็นกำนันปกครองท้องที่ กับพวกได้ไปแอบดู เห็นโจทก์กับพวกกำลังต้มกลั่นสุราเถื่อนอยู่ในบ้าน จึงพากันเข้าไปจับกุม ดังนี้ นับว่าเป็นกรณีฉุกเฉินอย่างยิ่งตามมาตรา 96(2) ป.ม.วิ.อาญา ถึงแม้เป็นเวลาค่ำคืน จำเลยก็กระทำได้.
ย่อยาว
ความว่ คืนวันเกิดเหตุ โจทก์กับพวกได้สมคบกันต้มกลั่นสุราเถื่อน มีผู้ไปแจ้งความต่อจำเลยที่ ๑ ผู้เป็นกำนันปกครองท้องที่ จำเลยกับพวกจึงพากันไปจับกุม ก่อนเข้าจับ จำเลยกับพวกได้แอบดู เห็นโจทก์กับพวกกำลังต้มกลั่นสุราเถื่อนอยู่ในบ้าน จึงพากันเข้าไปจับกุม โจทก์กับพวกไม่ยอมให้จับ ได้ต่อสู้และขัดขวางต้องไปตามตำรวจมาจึงทำการจับกุมโจทก์กับพวกได้ พร้อมทั้งของกลาง ศาลได้พิพากษาลงโทษโจทก์กับพวกฐานต้มกลั่นสุราเถื่อนไปแล้ว โจทก์จึงฟ้องเป็นคดีนี้หาว่า จำเลยบุกรุกและทำร้ายร่างกาย จำเลยที่ ๒ ตายในระหว่างไต่สวนมูลฟ้อง จำเลยที่ ๓ ส่งหมายนัดไต่สวนไม่ได้ โจทก์ขอถอนคดีสำหรับจำเลยที่ ๒ คนนี้ เป็นอันระงับไป ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า นายชิตจำเลยมีผิดตามมาตรา ๓๒๙ ตอน ๒ จำคุก ๑ เดือน ปรับ ๑๐๐ บาท ให้ยกโทษจำ คงปรับสถานเดียว
จำเลยฎีกา,
ศาลฎีกาเห็นว่า ก่อนที่จำเลยจะเข้าทำการจับกุมโจทก์ ได้เห็นโจทก์กับพวกกำลังทำการต้มกลั่นสุราเถื่อนอยู่ในบ้านนับว่าปรากฎความผิดซึ่งหน้ากำลังกระทำในที่ระโหฐาน จำเลยเป็นเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองท้องที่ มีอำนาจที่จะจับโจทก์ตามความในมาตรา ๗๘ (๑) ป.ม.วิ.อาญา โดยไม่ต้องมีหมายจับ และมีอำนาจที่จะเข้าค้นจับในที่ระโหฐานได้โดยไม่มีหมายค้นตามมาตรา ๙๒(๒) และทั้งเป็นกรณีฉุกเฉินอย่างยิ่ง ซึ่งถ้าจำเลยจะไม่ทำการจับกุมในขณะที่โจทก์กำลังทำความผิดอยู่เช่นนั้นแล้ว ก็จะไม่เป็นการประจักษ์แจ้งว่าโจทก์กระทำความผิด จึงนับว่าเป็นกรณีฉุกเฉินอย่างยิ่ง ตามความ ๙๖ (๒) ป.ม.วิ.อาญา แม้เวลาค่ำคืนจำเลยก็ทำได้
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง