แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
นอกจากอุทธรณ์ของจำเลยจะขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง เพื่อให้ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ให้ถูกต้องแล้ว ยังมีส่วนที่โต้แย้งคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางด้วย จึงถือว่าเป็นการอุทธรณ์คำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง จำเลยจึงต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาหรือคำสั่งมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์ ตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. 2539 มาตรา 38 ประกอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 229 เมื่อจำเลยเสียแต่ค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์จำนวน 200 บาท แต่ไม่วางเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษา จึงเป็นอุทธรณ์ที่มิชอบด้วยกฎหมาย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ขอเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตกับโจทก์ 3 ฉบับ เพื่อสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศ ผู้ขายได้ส่งสินค้ามาให้ เมื่อถึงกำหนดชำระค่าสินค้า โจทก์ได้จ่ายค่าสินค้าให้ผู้ขายแทนจำเลยที่ 1 ครั้นสินค้ามาถึงประเทศไทย จำเลยที่ 1 ไม่มีเงินชำระ จึงขอรับเอกสารการออกสินค้าจากโจทก์ไปออกสินค้าก่อน โดยทำสัญญาทรัสต์รีซีทกับโจทก์รวม 3 ฉบับ มีจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ทำสัญญาค้ำประกันการชำระหนี้ของจำเลยที่ 1 โดยยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม และจำเลยที่ 4 ได้จำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นประกันการชำระหนี้ เมื่อครบกำหนดชำระเงินตามสัญญาทรัสต์รีซีท จำเลยที่ 1 ไม่ชำระ ขอให้บังคับจำเลยทั้งห้าร่วมกันชำระเงินจำนวน 11,714,282.26 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 16.75 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 7,194,447 บาท และร้อยละ 17.75 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 989,688 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จให้แก่โจทก์ หากจำเลยทั้งห้าไม่ชำระ ให้บังคับจากทรัพย์จำนองของจำเลยที่ 4 และทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งห้า
จำเลยทั้งห้าให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้จำเลยทั้งห้าร่วมกันชำระเงินจำนวน 75,480 ดอลลาร์สหรัฐ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 10.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 9 กรกฎาคม 2540 ถึงวันที่ 18 มกราคม 2541 และอัตราร้อยละ 16.75 ต่อปี นับแต่วันที่ 19 มกราคม 2541 จนกว่าจะชำระเสร็จให้แก่โจทก์ จำนวน 75,150 ดอลลาร์สหรัฐ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 10.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 5 กรกฎาคม 2540 ถึงวันที่ 7 ธันวาคม 2540 และอัตราร้อยละ 16.75 ต่อปี นับแต่วันที่ 8 ธันวาคม 2540 จนกว่าจะชำระเสร็จให้แก่โจทก์ และจำนวน 20,640 ดอลลาร์สหรัฐ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 10.75 ต่อปี นับแต่วันที่ 16 กันยายน 2540 ถึงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2541 และอัตราร้อยละ 17.75 ต่อปี นับแต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2541 จนกว่าจะชำระให้แก่โจทก์ หากจำเลยทั้งห้าไม่ชำระ ให้บังคับจากทรัพย์จำนองพร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 4 และทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งห้า หากจำเลยทั้งห้าจะชำระหนี้เป็นเงินบาท ให้คิดตามอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทยที่ขายให้ลูกค้าในวันที่ใช้เงินจริง ถ้าไม่มีอัตราแลกเปลี่ยนในวันที่ใช้เงินจริง ให้ถือเอาวันสุดท้ายที่มีอัตราเช่นว่านั้นก่อนวันดังกล่าว ในกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศแจ้งให้ทราบถึงอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ (อัตราอ้างอิง) ก็ให้ถืออัตราดังกล่าวเป็นเกณฑ์คำนวณ แต่เมื่อคำนวณทั้งต้นเงินและดอกเบี้ยจนถึงวันฟ้องแล้วต้องไม่เกินจำนวน 11,714,282.26 บาท พิเคราะห์พฤติการณ์การยื่นคำให้การและถามค้านของทนายจำเลยทั้งห้าแล้ว ให้จำเลยทั้งห้าร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียม โดยกำหนดค่าทนายความเป็นเงิน 100,000 บาท แทนโจทก์
จำเลยทั้งห้าอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า อุทธรณ์ของจำเลยทั้งห้านอกจากจะขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง เพื่อให้ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ให้ถูกต้องแล้ว ยังมีส่วนที่โต้แย้งคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางด้วย จึงถือว่าเป็นการอุทธรณ์คำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง จำเลยทั้งห้าจึงต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาหรือคำสั่งมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์ ตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. 2539 มาตรา 38 ประกอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 229 เมื่อจำเลยทั้งห้าเสียแต่ค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์จำนวน 200 บาท แต่ไม่วางเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษา จึงเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยทั้งห้า คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ 200 บาท แก่จำเลยทั้งห้า.