คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10861/2554

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดหรือใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และเจ้าของไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าตนไม่มีโอกาสทราบ หรือไม่มีเหตุอันควรสงสัยว่าจะมีการกระทำความผิดและจะมีการนำไปใช้ในการกระทำความผิด หรือได้ใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิด ซึ่งศาลจะต้องริบตาม พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 30 นั้น จะต้องเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องเป็นส่วนหนึ่งของการกระทำความผิดด้วย ซึ่งจะต้องพิจารณาพฤติการณ์แห่งคดีและพฤติกรรมของการกระทำเข้าด้วยกัน
ผู้คัดค้านถูกจับขณะขับรถยนต์ของกลางของตนและเจ้าพนักงานตำรวจตรวจค้นพบเมทแอมเฟตามีนของกลางอยู่ในปากของ น. ผู้โดยสาร ทั้งไม่พบสิ่งของผิดกฎหมายอื่นใดอีกในรถยนต์ของกลาง รถยนต์ของกลางจึงมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเมทแอมเฟตามีนของกลางโดยตรง จึงเป็นทรัพย์ที่ไม่อาจริบได้

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้มีคำสั่งริบรถยนต์หมายเลขทะเบียน กข 3519 แพร่ ให้ตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 30, 31
ศาลชั้นต้นได้สั่งให้ประกาศในหนังสือพิมพ์ตามกฎหมายแล้ว
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง และคืนรถยนต์ของกลางแก่ผู้คัดค้าน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ริบรถยนต์หมายเลขทะเบียน กข 3519 แพร่ ของกลาง ให้ตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
ผู้คัดค้านอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษายืน
ผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาตามฎีกาของผู้คัดค้านว่า คดีมีเหตุให้ริบรถยนต์หมายเลขทะเบียน กข 3519 แพร่ ของผู้คัดค้านหรือไม่ ในปัญหานี้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ผู้คัดค้านน่าจะมีส่วนรู้เห็นในการกระทำความผิดของนายหนึ่งซึ่งผู้คัดค้านเองก็ไม่มีพยานหลักฐานมายืนยันพิสูจน์ได้ว่าตนเองไม่มีโอกาสทราบ และไม่มีเหตุอันควรที่จะสงสัยถึงการกระทำความผิดของนายหนึ่งมาก่อน รถยนต์ของกลางจึงถือว่าเป็นยานพาหนะที่ได้ใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษที่ควรต้องริบ ส่วนศาลอุทธรณ์ภาค 5 วินิจฉัยว่าผู้คัดค้านมีโอกาสทราบหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่านายหนึ่งจะกระทำความผิดและจะมีการนำรถยนต์ของกลางไปใช้ในการกระทำความผิดหรือใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 30 วรรคสาม จึงต้องริบรถยนต์ของกลาง ซึ่งคดีนี้ผู้ร้องขอให้ศาลสั่งริบรถยนต์ของกลางซึ่งเป็นของผู้คัดค้านอ้างว่า รถยนต์ของกลางเป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิด โดยใช้เป็นยานพาหนะในการซื้อและขนเมทแอมเฟตามีนไปเพื่อจำหน่าย เพื่อให้ได้รับผลในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษ โดยผู้ร้องเป็นโจทก์ฟ้องนายหนึ่งและผู้คัดค้านเป็นจำเลยในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย เห็นว่า ทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดหรือใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและเจ้าของไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าตนไม่มีโอกาสทราบ หรือไม่มีเหตุอันควรสงสัยว่าจะมีการกระทำความผิดและจะมีการนำไปใช้ในการกระทำความผิด หรือได้ใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิด ซึ่งศาลจะต้องริบตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 30 นั้น จะต้องเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องเป็นส่วนหนึ่งของการกระทำความผิดด้วย ซึ่งจะต้องพิจารณาพฤติการณ์แห่งคดีและพฤติกรรมของการกระทำเข้าด้วยกันโดยเมื่อพยานหลักฐานของผู้ร้องได้ความว่า ผู้คัดค้านถูกจับขณะขับรถยนต์ของกลางของตน และเจ้าพนักงานตำรวจตรวจค้นพบเมทแอมเฟตามีนของกลางอยู่ในปากของนายหนึ่งผู้โดยสาร ทั้งไม่พบสิ่งของผิดกฎหมายอื่นใดอีกในรถยนต์ของกลาง รถยนต์ของกลางจึงมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเมทแอมเฟตามีนของกลางโดยตรง ดังนั้น พยานหลักฐานของผู้ร้องจึงยังไม่มีน้ำหนักมั่นคงเพียงพอให้รับฟังได้ว่า รถยนต์ของกลางเป็นทรัพย์สินที่ศาลจะต้องริบตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 30 ที่ศาลล่างทั้งสองให้ริบรถยนต์ของกลาง ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของผู้คัดค้านฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องและคืนรถยนต์หมายเลขทะเบียน กข 3519 แพร่ ของกลางแก่ผู้คัดค้าน

Share