คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1086/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยผิดสัญญา ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดสัญญา แต่โจทก์ไม่เสียหาย ให้ยกฟ้อง จำเลยมิได้อุทธรณ์ในประเด็นข้อนี้ไว้ เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย จำเลยจะฎีกาว่าจำเลยมิได้ผิดสัญญามิได้ เพราะประเด็นเรื่องผิดสัญญายุติถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว
ค่าเสียหายฐานผิดสัญญาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 222 นั้น แม้โจทก์จะนำสืบถึงค่าเสียหายไม่ได้ ศาลก็คำนวณค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายนั้นให้โจทก์ได้ตามพฤติการณ์ที่ปรากฏในคดี
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 12/2509)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์กับจำเลยเข้าหุ้นส่วนกันทำอิฐ ตามสัญญาโจทก์มีสิทธิปลูกโรงอิฐเพิ่มเติมในที่ดินของจำเลยไม่เกิน ๕๐ เมตร จำเลยได้ผิดสัญญาข้อนี้ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย คือ เคยเผาอิฐได้เดือนละ ๒ เตา ต้องลดลงเหลือเดือนละ ๑ เตาบ้าง ไม่ถึงบ้าง ขาดประโยชน์ไปเดือนละ ๓,๒๙๐ บาท จึงขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย ๒๒ เดือน เป็นเงิน ๗๒,๓๘๐ บาท
จำเลยให้การว่า จำเลยมิได้ผิดสัญญา และโจทก์มิได้เสียหายดังฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยผิดสัญญา แต่โจทก์ไม่เสียหาย เพราะพยานโจทก์เองว่าไม่ขาดรายได้ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยผิดสัญญาและเห็นว่าจำเลยต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์เสมอไป อ้างฎีกาที่ ๑๐๓๗/๒๔๙๑ พิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ๑๐,๐๐๐ บาท
โจทก์และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดสัญญา จำเลยมิได้อุทธรณ์คัดค้านประเด็นข้อนี้ไว้ ประเด็นนี้จึงยุติถึงที่สุด จำเลยจะรื้อฟื้นขึ้นมาฎีกาอีกมิได้
ส่วนค่าเสียหายนั้น ความเสียหายของโจทก์อยู่ตรงที่ต้องซื้อดินและเช่าชุดดินมาทำอิฐ ไม่ใช่อยู่ที่โจทก์เผาอิฐมีจำนวนลดลงดังที่โจทก์ฟ้อง แต่โจทก์มิได้นำสืบถึงค่าเสียหายที่ต้องซื้อดินและเช่าขุดดินมาทำอิฐว่ามากน้อยเพียงไร ปัญหาว่าศาลจะกำหนดค่าเสียหายให้เองตามสมควรได้หรือไม่ ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่า แม้โจทก์จะนำสืบถึงค่าเสียหายไม่ได้ ศาลก็คำนวณค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายนั้นให้โจทก์ได้ตามพฤติการณ์ที่ปรากฏในคดี และเห็นว่าที่ศาลอุทธรณ์กำหนดให้ ๑๐,๐๐๐ บาท ชอบแล้ว จึงพิพากษายืน

Share