แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยวางท่อระบายน้ำจากโรงงานในที่ดินของจำเลยผ่านเข้าไปในที่ดินของโจทก์ เมื่อได้ความว่าจำเลยมิได้ให้ค่าทดแทนแก่โจทก์ ทั้งที่ดินของจำเลยก็มิได้ติดต่อกับที่ดินของโจทก์ด้วย จำเลยก็ไม่มีสิทธิที่จะล่วงแดนเข้าไปวางท่อระบายน้ำในที่ดินของโจทก์โดยอาศัยมาตรา 1352 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และการที่โจทก์ยินยอมด้วยวาจาให้จำเลยฝังท่อระบายน้ำในที่ดินของโจทก์ ก็มีผลเพียงให้จำเลยไม่ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้นเท่านั้น แต่จำเลยไม่มีสิทธิที่จะยกเอาความยินยอมนั้นขึ้นผูกพันโจทก์อยู่ตลอดไปเมื่อโจทก์บอกเลิกคำอนุญาต ให้จำเลยขนย้ายท่อระบายน้ำออกไป จำเลยไม่ปฏิบัติตาม ก็เป็นการละเมิดล่วงแดนกรรมสิทธิ์ในที่ดินของโจทก์ ฉะนั้น การที่โจทก์ขอให้จำเลยรื้อถอนออกไปนั้นจึงทำได้โดยชอบ ไม่ใช่การใช้สิทธิโดยไม่สุจริต มีแต่จะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น
อนึ่ง ความตกลงยินยอมของโจทก์ดังกล่าวนั้นได้ก่อให้เกิดภาระในที่ดินของโจทก์จัดอยู่ในลักษณะที่ว่าด้วยภารจำยอม และภารจำยอมก็เป็นทรัพย์สิทธิอย่างหนึ่ง เมื่อการได้มาโดยนิติกรรมซึ่งทรัพย์สิทธิของจำเลยนี้ไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียน นิติกรรมนี้ก็ไม่บริบูรณ์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเปิดโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังในที่ดินของจำเลยซึ่งอยู่ห่างไกลจากที่ดินโจทก์ และไม่มีเขตติดต่อกับที่ดินโจทก์ จำเลยได้ทำท่อระบายน้ำเน่าและสิ่งโสโครกออกจากที่ดินของจำเลยผ่านเข้าไปในที่ดินของโจทก์โดยมิได้ขออนุญาตหรือรับความยินยอมของโจทก์ ทำให้โจทก์เสียหาย โจทก์ได้แจ้งให้จำเลยรื้อถอนท่อออกไป จำเลยก็เพิกเฉย ขอให้บังคับให้จำเลยรื้อถอนท่อระบายน้ำและทำที่ดินของโจทก์ให้ดีดังเดิม กับให้ใช้ค่าเสียหาย
จำเลยให้การต่อสู้คดี โดยอ้างด้วยว่าจำเลยทำท่อระบายน้ำกากแป้งจากโรงงานไปสู่ทะเลเลียบชายที่ดินของโจทก์โดยโจทก์อนุญาตแล้ว โดยไม่เรียกค่าทดแทนอย่างใด จำเลยลงทุนวางท่อประมาณ 200,000 บาท โจทก์มาให้รื้อถอนท่อออกไป จึงเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต มีแต่จะเกิดความเสียหายแก่จำเลย โดยผลแห่งกฎหมายจำเลยมีสิทธิวางท่อระบายน้ำผ่านที่ดินของโจทก์ได้ โดยจำเลยชดใช้ค่าทดแทนตามสมควร ซึ่งจำเลยเห็นควรให้ค่าทดแทนเดือนละ 50 บาท ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงินให้แก่โจทก์ปีละ 1,500 บาทนับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจำเลยจะเลิกใช้ท่อระบายน้ำผ่านที่ดินโจทก์และรื้อถอนไป คำขออื่นของโจทก์ให้ยกเสีย
โจทก์จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า ให้จำเลยรื้อถอนและขนย้ายท่อน้ำออกไปให้พ้นที่ดินของโจทก์ และจำเลยไม่ต้องชำระค่าทดแทนปีละ 1,500 บาท แก่โจทก์ นอกจากที่แก้นี้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ทางพิจารณาฟังได้ว่าที่ดินแปลงพิพาทเป็นของโจทก์ มีอยู่ด้านหนึ่งติดห้วยหินโจนหรือห้วยบางพระ บริษัทจำเลยมีโรงงานทำแป้งมันสำปะหลัง ได้ระบายน้ำและกากแป้งทิ้งไปในห้วยบางพระต่อมามีผู้ร้องเรียนว่าโรงงานของจำเลยทำให้ห้วยน้ำบางพระเสียทางการจึงแนะนำให้จำเลยทำท่อระบายน้ำกากแป้งลงไปสู่ทะเล ซึ่งต้องทำท่อระบายน้ำและกากมันผ่านเข้ามาในที่ดินของโจทก์ด้วยโจทก์ได้อนุญาตด้วยวาจาให้จำเลยทำท่อผ่านเข้าไปในที่ดินของโจทก์ได้ โดยจำเลยไม่ได้เสียค่าตอบแทนให้โจทก์แต่อย่างใด ต่อมาโจทก์ไม่ประสงค์จะให้จำเลยอาศัยฝังท่อในที่ดินของโจทก์ต่อไป จึงมีหนังสือถึงจำเลยบอกเลิกการอนุญาต และให้รื้อถอนออกไป แต่จำเลยก็ไม่ปฏิบัติตาม
แล้วศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1352 บัญญัติว่า ถ้าเจ้าของที่ดินได้รับค่าทดแทนตามสมควรแล้ว ต้องยอมให้ผู้อื่นวางท่อน้ำ ท่อระบายน้ำ ฯลฯผ่านที่ดินของตน เพื่อประโยชน์แก่ที่ดินติดต่อ ซึ่งถ้าไม่ยอมให้ผ่านก็ไม่มีทางจะวางได้ หรือถ้าจะวางได้ก็เปลืองเงินมากเกินควรฯลฯ ก็เมื่อได้ความว่าจำเลยไม่ได้ให้ค่าทดแทนแก่โจทก์และทั้งจำเลยก็ไม่มีที่ดินติดต่อกับที่ดินของโจทก์ด้วย จำเลยจึงไม่มีสิทธิจะล่วงแดนเข้าไปวางท่อระบายน้ำในที่ของโจทก์ได้ ส่วนการที่โจทก์ยินยอมด้วยวาจาให้จำเลยฝังท่อระบายน้ำในที่ดินของโจทก์ได้นั้นก็มีผลแต่เพียงให้จำเลยไม่ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการละเมิดที่จำเลยวางท่อระบายน้ำเข้าไปเท่านั้น แต่โจทก์ย่อมบอกเลิกความยินยอมนั้นได้ จำเลยหามีสิทธิที่จะยกเอาความยินยอมด้วยวาจาของโจทก์มาผูกพันโจทก์อยู่ตลอดไปไม่
อนึ่ง จำเลยอ้างเหตุว่าได้สิทธิมาโดยความตกลงยินยอมของโจทก์ซึ่งนับว่าเป็นนิติกรรมอย่างหนึ่ง ศาลฎีกาเห็นว่า ความตกลงยินยอมนี้ได้ก่อให้เกิดภาระในที่ดินของโจทก์ขึ้น ซึ่งเข้าอยู่ในลักษณะที่ว่าด้วยภารจำยอมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และภารจำยอมนั้นก็เป็นทรัพย์สิทธิอย่างหนึ่ง แต่การได้มาโดยนิติกรรมซึ่งทรัพย์สิทธิของจำเลยนี้ไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ นิติกรรมนี้จึงไม่บริบูรณ์ ขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 จะยกเอาภารจำยอมมาวินิจัยให้เป็นคุณแก่จำเลยก็ไม่ได้
เมื่อโจทก์บอกเลิกคำอนุญาต ให้จำเลยขนย้ายท่อระบายน้ำออกไปจำเลยมิได้ปฏิบัติตาม ก็เป็นการกระทำละเมิดล่วงแดนกรรมสิทธิ์ในที่ดินของโจทก์อยู่นั่นเอง ฉะนั้นการที่โจทก์ขอให้จำเลยรื้อถอนท่อระบายน้ำออกไปโจทก์จึงทำได้โดยชอบ หาใช่ว่าใช้สิทธิโดยไม่สุจริต มีแต่จะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ดังที่จำเลยฎีกาไม่
พิพากษายืน