แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่า คำสั่งของจำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ เป็นการฟ้องโดยอ้างมูลละเมิดเป็นหลักแห่งข้อหา แต่โจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยมีคำสั่งโดยไม่สุจริต ทั้งตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์ก็ไม่ได้ความว่า จำเลยมีคำสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างไร คำสั่งของจำเลยฝ่าฝืนต่อบทกฎหมายใด ถือไม่ได้ว่าคำสั่งของจำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมาย การกระทำของจำเลยตามคำฟ้องจึงไม่เป็นการละเมิด และโต้แย้งสิทธิของโจทก์โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของมีสิทธิครอบครองที่ดินมือเปล่า ๑ แปลง ต่อมานายสุรศักดิ์ บุณยะประภัศร นางประดับ คชรัตน์ และนายศิริพันธ์ จาตุรงคกุล ยื่นคำร้องขอออกโฉนดที่ดินทับที่ของโจทก์ต่อจำเลยในฐานะเจ้าพนักงานที่ดิน โจทก์คัดค้าน จำเลยมีคำสั่งให้ออกโฉนดที่ดินให้แก่บุคคลดังกล่าว หากโจทก์ไม่พอใจให้ยื่นฟ้องต่อศาลภายใน ๖๐ วัน คำสั่งของจำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นการละเมิดสิทธิโจทก์เพราะที่ดินดังกล่าวเป็นของโจทก์ ขอให้พิพากษาเพิกถอนคำสั่งดังกล่าว และห้างมิให้จำเลยออกโฉนดให้แก่บุคคลที่กล่าวในฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิเคราะห์คำฟ้องโจทก์แล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาว่า เมื่อจำเลยมีคำสั่งไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่สุจริต โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งของจำเลยได้นั้น เห็นว่าโจทก์ฟ้องว่า คำสั่งของจำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ จึงเป็นการฟ้องโดยอ้างมูลละเมิดเป็นหลักแห่งข้อหา แต่โจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยมีคำสั่งโดยไม่สุจริต ทั้งตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์ก็ไม่ได้ความว่าจำเลยมีคำสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างไร คำสั่งของจำเลยฝ่าฝืนต่อบทกฎหมายใด จึงถือไม่ได้ว่าคำสั่งของจำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมาย การกระทำของจำเลยตามคำฟ้องจึงไม่เป็นการละเมิดและโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
พิพากษายืน