แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ป.อ. มาตรา 84 วรรคสอง บัญญัติว่า ถ้าผู้ถูกใช้ได้กระทำความผิดนั้น ผู้ใช้ต้องรับโทษเสมือนเป็นตัวการ หมายความว่า เมื่อมีผู้ก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดและผู้ถูกใช้ได้ลงมือกระทำความผิดแล้ว ผู้ใช้ต้องรับโทษเสมือนหนึ่งว่าเป็นผู้ร่วมกระทำความผิดนั้นตาม ป.อ. มาตรา 83 ดังนั้น หากจำเลยเป็นผู้ที่ร่วมกระทำความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิ และเป็นผู้ใช้เอกสารสิทธิปลอมนั้น ป.อ. มาตรา 268 วรรคสอง บัญญัติให้ลงโทษฐานใช้เอกสารสิทธิปลอมแต่เพียงกระทงเดียว เมื่อจำเลยเป็นผู้ใช้เอกสารสิทธิปลอมโดยเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นปลอมเอกสารสิทธิ จึงต้องลงโทษจำเลยเสมือนเป็นผู้ร่วมกระทำความผิดคือ ลงโทษฐานใช้เอกสารสิทธิปลอมแต่เพียงกระทงเดียวเช่นกัน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 84, 91, 264, 265, 268 และนับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 2160/2547 และ 2161/2547 ของศาลชั้นต้น
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 ประกอบมาตรา 264 วรรคสอง, 84, 268 วรรคหนึ่ง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำเลยเป็นผู้ใช้ผู้อื่นปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอมดังกล่าวด้วยตนเอง ลงโทษฐานใช้เอกสารสิทธิปลอมแต่เพียงกระทงเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคสอง จำคุก 2 ปี และให้นับโทษต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 2160/2547 และ 2161/2547 ของศาลชั้นต้น
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 ประกอบมาตรา 84, 268 วรรคแรก ประกอบมาตรา 265 ฐานใช้ผู้อื่นให้ปลอมเอกสารสิทธิกระทงหนึ่ง และฐานใช้เอกสารสิทธิปลอมอีกกระทงหนึ่งกับให้ยกคำขอให้นับโทษต่อ นอกจากที่แก้ (ที่ถูก โทษและนอกจากที่แก้) ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า นายคูณ ผู้เสียหาย พักอาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 39 หมู่ที่ 5 ตำบลชำนิ อำเภอชำนิ จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินมือเปล่าของตน เนื้อที่ประมาณ 2 ถึง 3 ไร่ ในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยตกลงซื้อที่ดินของผู้เสียหายโดยทำหนังสือสัญญาซื้อขายที่ดินไว้ มีนายด่วน นายแสวง และนายเปล้า ลงลายมือชื่อเป็นพยานในหนังสือสัญญาซื้อขาย ต่อมาวันที่ 31 สิงหาคม 2546 จำเลยส่งสำเนาหนังสือสัญญาซื้อขายไปให้ผู้เสียหายที่บ้านทางไปรษณีย์พร้อมหนังสือแจ้งให้ผู้เสียหายออกไปจากบ้านและที่ดินที่ซื้อขาย โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานใช้ให้ผู้อื่นปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยจำคุก 2 ปี ศาลอุทธรณ์ภาค 3 แก้ไขเฉพาะการปรับบทกฎหมายโดยมิได้แก้โทษที่จะลงแก่จำเลย ถือเป็นการแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยที่ว่า พยานหลักฐานโจทก์ไม่มีน้ำหนักให้รับฟังลงโทษจำเลยเนื่องจากเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าวคงรับฎีกาของจำเลยเฉพาะในปัญหาข้อกฎหมาย เมื่อคดีมีปัญหาแต่เฉพาะข้อกฎหมาย การวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายนั้นศาลฎีกาต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 222 ซึ่งคดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยใช้ให้นายแสวงปลอมหนังสือสัญญาซื้อขายซึ่งเป็นเอกสารสิทธิและจำเลยใช้เอกสารสิทธิปลอมนั้น
คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า การที่จำเลยใช้เอกสารสิทธิปลอมโดยเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นปลอมเอกสารสิทธินั้น จะลงโทษจำเลยได้เพียงกระทงเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคสอง หรือไม่ พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า บทบัญญัติในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 84 วรรคสอง ที่บัญญัติว่า ถ้าผู้ถูกใช้ได้กระทำความผิดนั้น ผู้ใช้ต้องรับโทษเสมือนเป็นตัวการ มีความหมายว่า เมื่อมีผู้ก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิด และผู้ถูกใช้ได้ลงมือกระทำความผิดแล้ว ผู้ใช้ต้องรับโทษเสมือนหนึ่งว่าเป็นผู้ร่วมกระทำความผิดนั้นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ดังนั้น หากจำเลยเป็นผู้ที่ร่วมกระทำความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิ และเป็นผู้ใช้เอกสารสิทธิปลอมนั้น ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคสอง บัญญัติให้ลงโทษฐานใช้เอกสารสิทธิปลอมแต่เพียงกระทงเดียว เมื่อจำเลยเป็นผู้ใช้เอกสารสิทธิปลอมโดยเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นปลอมเอกสารสิทธินั้น จึงต้องลงโทษจำเลยเสมือนเป็นผู้ร่วมกระทำความผิดคือ ลงโทษฐานใช้เอกสารสิทธิปลอมแต่เพียงกระทงเดียวเช่นกัน ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 เห็นว่า จำเลยกระทำความผิด 2 กระทง นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 ประกอบมาตรา 84, มาตรา 268 วรรคแรก ประกอบมาตรา 265 จำเลยใช้เอกสารสิทธิปลอมโดยเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นปลอมเอกสารสิทธินั้นเอง จึงลงโทษฐานใช้เอกสารสิทธิปลอมแต่เพียงกระทงเดียว ตามมาตรา 268 วรรคสอง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3