แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์บรรทุกน้ำมันของผู้เสียหายเข้ามาจอดที่บริเวณบ้านของจำเลยที่ 2 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขายน้ำมันที่จำเลยที่ 1 จะดูดออกจากถังน้ำมันของรถยนต์บรรทุกให้แก่จำเลยที่ 2 ขณะที่จำเลยที่ 1 ใช้คีมตัดลวดและซีลซึ่งใช้ปิดฝาถังน้ำมันเพื่อเปิดฝาถังน้ำมันออก โดยจำเลยที่ 2 ถือถังน้ำมันเตรียมไว้รองรับน้ำมันที่จำเลยที่ 1 จะลักมาขายให้ก็ถูกเจ้าพนักงานตำรวจเข้าจับกุม การที่จำเลยที่ 2 เตรียมถังน้ำมันไว้รองรับน้ำมันที่จำเลยที่ 1 จะลักจากรถยนต์บรรทุกน้ำมัน จำเลยที่ 2 ได้กระทำไปโดยมีเจตนาจะรับซื้อน้ำมันจากจำเลยที่ 1 เท่านั้น ไม่อาจถือได้ว่าการที่จำเลยที่ 2 ให้จำเลยที่ 1 นำรถยนต์บรรทุกน้ำมันเข้ามาจอดในบริเวณบ้านของตนเป็นการกระทำโดยเจตนาช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1 ในการลักทรัพย์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 80, 83, 33 และริบของกลาง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 (3) วรรคแรก, 80 จำคุก 1 ปี คำให้การจำเลยที่ 1 ชั้นจับกุมเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้จำเลยที่ 1 หนึ่งในสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 9 เดือน ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2 รีบคีมของกลาง คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 (3) วรรคแรก, 80, 86 จำคุก 8 เดือน จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพชั้นจับกุม เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 6 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า ในวันเวลา และสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์บรรทุกน้ำมันคันเกิดเหตุบรรทุกน้ำมันของบริษัทบางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ผู้เสียหาย มาจอดที่บ้านที่เกิดเหตุ ต่อมาเจ้าพนักงานตำรวจได้จับกุมจำเลยทั้งสองขณะจำเลยที่ 1 กำลังพยายามลักน้ำมันจากถังน้ำมันบนรถยนต์บรรทุกดังกล่าว คดีในส่วนของจำเลยที่ 1 ยุติ คงมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 2 ว่า จำเลยที่ 2 กระทำความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนจำเลยที่ 1 ในการกระทำความผิดฐานพยายามลักทรัพย์ตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาลงโทษมาหรือไม่ โจทก์นำสืบโดยมีร้อยตำรวจตรีสมศักดิ์ วงศ์พรหม เบิกความว่า พยานเป็นผู้จับกุมจำเลยทั้งสอง โดยพยานเห็นรถยนต์บรรทุกน้ำมันคันที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้ขับแล่นเลี้ยวลงไปที่ถนนข้างทางตรงไปที่บ้านของจำเลยที่ 2 พยานจึงลงจากรถไปแอบซุ่มดู เนื่องจากโดยปกติรถยนต์บรรทุกน้ำมันจะไม่จอดแวะที่ใดหากไม่ใช่สถานีบริการน้ำมัน พยานเห็นจำเลยที่ 1 ปีนรถขึ้นไปบนถังน้ำมันเพื่อเปิดฝาถังน้ำมัน โดยการใช้คีมตัดลวดและซีลซึ่งใช้ปิดฝาถังน้ำมันออก และขณะนั้นพยานพบจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านที่เกิดเหตุถือถังน้ำมันเดินมาจากข้างรถ เพื่อนำถังมารองรับน้ำมัน พยานจึงจับกุมจำเลยทั้งสองและแจ้งข้อหาว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 พยายามลักทรัพย์โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองทรัพย์ จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพ ตามบันทึกการจับกุมเอกสารหมาย ป.จ.2 เห็นว่า ข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานของโจทก์ดังกล่าวได้ความเพียงว่า จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์บรรทุกน้ำมันของผู้เสียหายเข้ามาจอดที่บริเวณบ้านของจำเลยที่ 2 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขายน้ำมันที่จำเลยที่ 1 จะดูดออกจากถังน้ำมันของรถยนต์บรรทุกให้แก่จำเลยที่ 2 ขณะที่จำเลยที่ 1 ใช้คีมตัดลวดและซีลซึ่งใช้ปิดฝาถังน้ำมันเพื่อเปิดฝาถังน้ำมันออก โดยจำเลยที่ 2 ถือถังน้ำมันเตรียมไว้รองรับน้ำมันที่จำเลยที่ 1 จะลักมาขายให้ก็ถูกเจ้าพนักงานตำรวจเข้าจับกุม การที่จำเลยที่ 2 เตรียมถังน้ำมันไว้รองรับน้ำมันที่จำเลยที่ 1 จะลักจากรถยนต์บรรทุกน้ำมัน จำเลยที่ 2 ได้กระทำไปโดยมีเจตนาจะรับซื้อน้ำมันจากจำเลยที่ 1 เท่านั้น ไม่อาจจะถือได้ว่าการที่จำลยที่ 2 ให้จำเลยที่ 1 นำรถยนต์บรรทุกน้ำมันเข้ามาจอดในบริเวณบ้านของตนเป็นการกระทำโดยเจตนาช่วยเหลือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1 ในการลักทรัพย์ดังที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยมา พยานหลักฐานโจทก์ไม่พอฟังว่าจำเลยที่ 2 มีเจตนาช่วยเหลือหรือให้สะดวกในการที่จำเลยที่ 1 กระทำความผิดฐานพยายามลักทรัพย์ก่อนหรือขณะกระทำความผิด ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาว่าจำเลยที่ 2 กระทำความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนจำเลยที่ 1 ในการกระทำความผิดฐานพยายามลักทรัพย์นั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยที่ 2 ฟังขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น