คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1082/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การกระทำการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ กับการกระทำโดยบันดาลโทสะเป็นการกระทำที่มีองค์ประกอบความผิดต่างกัน กล่าวคือ หากเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วก็ไม่เข้าองค์ประกอบของอีกอย่างหนึ่ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้มีดพร้าฟันนายปลอบ ปานสงค์ ถึงแก่ความตายโดยเจตนาฆ่า ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘
ชั้นแรกจำเลยให้การปฏิเสธ แต่ภายหลังสืบพยานโจทก์ได้เล็กน้อย ขอให้การใหม่โดยขอรับสารภาพตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาพยานโจทก์ประกอบฟ้องซึ่งได้ความว่าผู้ตายท้าทายยั่วโทสะจำเลยก่อน และยังได้ใช้มีดพร้าจะฟันจำเลย แต่ถูกจำเลยแย่งไปได้ แล้วยังใช้มีดพกจะแทงอีก จำเลยจึงใช้มีดพร้าฟันผู้ตายล้มลงไป และด้วยโทสะรุนแรงได้ฟันซ้ำลงไปอีก เห็นว่าจำเลยกระทำโดยป้องกันตัว แต่เกินสมควรแก่เหตุ และโดยถูกยั่วโทสะ พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา ๒๘๘ ประกอบด้วย มาตรา ๖๙ และ ๗๒ ให้จำคุก ๓ ปี ลดโทษฐานรับสารภาพกึ่งหนึ่งคงจำคุกไว้ ๑ ปี ๖ เดือน
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าผู้ตายโดยเจตนา
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยฎีกาโจทก์ เพราะโจทก์ฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไว้แล้ว แต่เห็นว่าที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยกระทำโดยป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ และโดยบันดาลโทสะด้วยนั้นไม่ถูกต้อง เพราะการกระทำทั้งสองอย่างนี้ต่างกัน หากกระทำโดยบันดาลโทสะก็ไม่ใช่เรื่องป้องกันตัว หรือกลับกันฉันนั้น และเห็นว่าจำเลยกระทำการป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ พิพากษาแก้ว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ ประกอบกับมาตรา ๖๙ ส่วนกำหนดโทษให้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share