คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1080/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เดิมที่ดินของโจทก์จำเลยเป็นที่ดินแปลงเดียวกัน แต่มาแบ่งแยกภายหลัง มีคูระบายน้ำและใช้ระบายน้ำโสโครกผ่านที่ดินในส่วนที่ตกมาเป็นของจำเลยตั้งแต่เจ้าของเดิม เมื่อที่ดินตกมาเป็นของโจทก์ โจทก์ก็ใช้คูระบายน้ำโสโครกต่อมาอีกกว่า 10 ปีแล้ว ดังนี้ โจทก์ย่อมได้สิทธิในภาระจำยอมโดยอายุความเหนือที่ดินจำเลย จำเลยจะปิดคูระบายน้ำเสียไม่ได้
ข้อต่อสู้ของจำเลยว่า จำเลยมีสิทธิกระทำได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1337 แต่ไม่ขอสืบพยานนั้น ศาลไม่รับฟัง

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องมีใจความว่า โจทก์เช่าตึกผู้มีชื่ออยู่ และได้ใช้คูระบายน้ำโสโครกจากที่ดินโจทก์เช่าผ่านที่ดินจำเลยไปสู่ทางระบายน้ำของเทศบาลมาแล้วประมาณ 40 ปี ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2483 โจทก์ได้รับโอนที่ดินและตึกเช่ามาเป็นกรรมสิทธิ์และยังคงใช้คูระบายน้ำโสโครกนั้นอย่างเดิมครั้นเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม และวันที่ 8 กันยายน 2504 จำเลยปิดปากคูระบายน้ำโสโครกเสีย เป็นเหตุให้น้ำโสโครกไม่มีทางระบาย ขอให้ศาลบังคับจำเลยเปิดปากคูระบายน้ำตามเดิม

จำเลยให้การว่า จำเลยปิดปากคูเพราะโจทก์แกล้งระบายน้ำโสโครกมีกลิ่นเหม็นเข้าสู่ที่ดินของจำเลยเสมอ เป็นการทำลายสุขภาพอนามัยของจำเลยโดยตรง จำเลยทำไปเพื่อป้องกันกลิ่นเหม็นซึ่งอาจเกิดโรคภัยแก่จำเลยและบริวาร จำเลยปิดทางระบายน้ำในที่ดินของจำเลยเอง ไม่เป็นละเมิดตามฟ้อง โจทก์มิได้กล่าวถึงทางระบายน้ำตกเป็นที่สาธารณะหรือภารจำยอมแต่อย่างใด ที่ดินของโจทก์ไม่ตกอยู่ในที่ล้อมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1349 และว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม

ชั้นชี้สองสถานคู่ความรับกันว่า เดิมที่ดินของโจทก์จำเลยเป็นที่แปลงเดียวกัน แต่มาแบ่งแยกภายหลัง มีคูระบายน้ำและได้ใช้ระบายน้ำโสโครกมาตั้งแต่เจ้าของเดิมจนบัดนี้ 40 ปีแล้ว จำเลยรับว่าได้ปิดกั้นคูระบายน้ำจริง แต่เถียงว่ามีสิทธิทำได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1337

ทั้งสองฝ่ายต่างไม่สืบพยานกันต่อไป

ศาลชั้นต้นเห็นว่า การกระทำของจำเลยส่อแสดงไปในทางใช้สิทธิโดยไม่สุจริตตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 421 จึงเป็นการละเมิดต่อโจทก์ ให้จำเลยเปิดคูระบายน้ำตามเดิม

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า โจทก์ใช้คูระบายน้ำผ่านที่ดินจำเลยมาเกินกว่า 10 ปี ได้สิทธิในภารจำยอมโดยอายุความ ที่จำเลยอ้างสิทธิที่จะทำได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1337 จำเลยมิได้ขอสืบพยานจึงรับฟังไม่ได้ จำเลยปิดคูเสียไม่ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1390 และว่าฟ้องโจทก์บรรยายข้อเท็จจริงตามเหตุการณ์ที่เป็นมาและเกิดขึ้นให้เป็นที่เข้าใจได้ก็เพียงพอแล้วส่วนที่จะปรับข้อเท็จจริงว่าเข้าลักษณะกฎหมายบทใด เป็นหน้าที่ของศาลเมื่อศาลยกเอาข้อเท็จจริงในฟ้องมาปรับแล้ว จึงหาใช่เป็นการวินิจฉัยนอกฟ้องไม่ พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ที่ดินของจำเลย อยู่ในภารจำยอม จำเลยจะปิดกั้นคูระบายน้ำที่โจทก์ใช้อยู่เสียหาได้ไม่ คำพิพากษาฎีกาที่ 1/2497 ระหว่างนางชิต โจทก์ นางวอนจำเลย ที่จำเลยอ้างนั้น รูปคดีไม่ตรงกันและที่จำเลยอ้างประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1337 ว่ามีสิทธิจะทำได้ แต่ไม่ขอสืบพยานนั้น จึงรับฟังไม่ได้

พิพากษายืน

Share