แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำนวนทุนทรัพย์ ที่เรียกร้องไม่เกิน 2 พันบาทเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงโจทก์ตั้งทุนทรัพย์โดยขอแบ่งส่วนมรดกเพียง 500 บาท จำเลยฎีกาตั้งทุนทรัพย์มาโดยคิดค่าสินเดิมที่ขาดไปและอื่น ๆ รวมราคา 2930 บาทหาได้ฟ้องแย้งเข้ามา ดังนี้ไม่ให้ทุนทรัพย์ที่เรียกร้อง เป็นแต่เพียงการขอให้หักจากสินสมรสก่อนแบ่งเท่านั้น
โจทย์ฟ้องขอแบ่งมรดกและก่ออ้างถึงสินเดิม แม้ไม่ได้ระบุสินเดิมมีอะไรบ้างฟ้องของโจทก์ที่กล่าวถึงสินเดิมก็เพียงประสงค์เพื่อเป็นเกณฑ์ในการแบ่งสินสมรสอย่างไรเท่านั้น หาได้ขอเรียกหรือขอให้หักสินเดิมจากสินสมรสไม่ดังนี้ ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์ฟ้องขอแบ่งมรดกของนายดวน ยิ้มสง โดยกล่าวว่านายดวนมีสินเดิม ๓๘๐ บาท จำเลยไม่มี นายดวนกับจำเลยได้สร้างสินสินรสคืนสวนยาง ๒ แปลง ที่บ้าน ๑ แปลง และที่สวนที่นา ๑ แปลง ราคาทั้งหมด ๔๐๐๐ บาท ที่ทั้ง ๔ แปลงอยู่อำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง นายดวนตายแล้ว มีทายาทคือโจทก์จำเลยและบุตรจำเลย ๖ คน โจทก์มีสิทธิจะได้รับ ๑ ใน ๘ สวนเป็นเงิน ๕๐๐ บาท ขอให้แบ่งให้โจทก์ถ้าแบ่งไม่ตกลงก็ให้ขายทอดตลาดเอาเงินแบ่งกัน
จำเลยต่อสู้ดังนี้
๑.โจทก์ได้สละมรดกแล้วไม่มีสิทธิฟ้อง
๒. จำเลยฝ่ายเดียวมีสินเดิม ไม่ได้ระบุว่าอะไรบ้าง เป็นฟ้องเคลือบคลุมสินเดิมของจำเลยมีหลายอย่าง คงเหลือแหวนวงเดียว คงขาดไป ๒,๙๐๐ บาท หารมีการแบ่งมรดกต้องหักใช้สินเดิมก่อน
๓. จำเลยได้จ่ายในการรักษาพยาบาลเจ้ามรดก ในการทำบุญปลงศพและอื่น ๆ ร่วม ๓,๕๐๐ บาท ต้องหักจากกองมรดกก่อน
๔. เฉพาะที่แปลง ๑,๒,และ ๓, ตามฟ้องเป็นของบิดามารดกจำเลยยังครอบครองร่วมกันแทนกันระหว่างพี่น้องรวม ๕ คน ไม่ใข่สินสมรส แปลงที่ ๔ เป็นของนายปานไม่ใช่สินสมรส
ระหว่างสืบพยานมีนายเฉย นายปลอดนายปานร้องสอด เข้ามาโดยศาลอนุญาตว่า ผู้ร้องเป็นที่จำเลยบิดามารดากันทรัพย์ตามฟ้องแปลงที่ ๑,๒,๓, ราคาประมาณ ๓,๖๐๐ บาท เป็นมรดกของบิดามารดาผู้ร้อง และจำเลยยังครอบครองอยู่ ไม่ใช่สินสมรส หากศาลพิพากษาให้แบ่งปันทรัพย์นี้ ขอให้แบ่งให้ผู้ร้องคนละ ๑ ใน ๕ ส่วน รวม ๓ คนเป็นเงิน ๒,๑๖๐ บาท
โจทก์ยื่นคำให้การต่อสู้คำร้องสอดว่าทรัพย์ ที่ฟ้องเป็นของนายดวน หาใช่ของบิดามารดาผู้ร้องไม่
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยดังนี้
๑. ฟังว่าที่ดินทั้ง ๔ แปลงเป็นสินสมรสของนายดวนและจำเลย
๒. สินเดิมฟังว่าโจทก์มีสินเดิมราคา ๓๕๘ บาท แม้ฟ้องจะไม่ระบุสินเดิมว่ามีอะไรบ้างก็ไม่เคลือบคลุม และคงเชื่อว่าจำเลยมีแต่ต่างหู ราคา ๑๒๐ บาทเป็นสินเดิม
๓. ค่ารักษาพยาบาลและอื่น ๆ ปรากฎว่ามีคนออกเงินช่วยในการศพมากเกินกว่าจำนวนเงินที่อ้างว่าใช้จ่ายจำเลยไม่มีสิทธิที่จะขอให้หักเงินจำนวนนี้จากสินเดิม
๔. ข้อต่อสู้ของจำเลยที่ว่าโจทก์สละมรดกจำเลย สืบไม่สมตามมาตรา ๑๖๑๒
พิพากษาใหม่ให้แบ่งปันทรัพย์พิพาทโดยให้เอาสินเดิมของนายดวนจำเลยหักออกจากสินสมรสก่อน เหลือเท่าไรให้แบ่งเป็น ๓ ส่วนให้นายดวน ๒ ส่วน ให้จำเลย ๑ ส่วน สินสมรส ๒ ส่วนของนายดวนนั้นให้รวมกับสินเดิมของนายดวน แล้วแบ่งออกเป็น ๘ ส่วน โจทก์ได้ ๑ ส่วน จำเลยได้ ๑ ส่วน อีก ๖ ส่วนเป็นของบุตรเจ้ามรดก
จำเลยและผู้ร้องสอดอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยแต่ฝ่ายเดียวฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องตั้งทุนทรัพย์ดดยขอแบ่งส่วนมรดกเพียง ๕๐๐ บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น จึงต้องห้ามไม่ให้จำเลยฎีกาในข้อเท็จจริงปรากฎว่าคดีนี้จำเลยฎีกาตั้งทุนทรัพย์มา ๒๕๓๐ บาท โดยคิดค่าสินเดิมที่ขาดไป ๑๒๗๐ บาท ค่ารักษาพยาบาลและอื่น ๆ ๑๑๖๐ บาท จำเลยเป็นแต่ให้การขอให้หักจากสินสมรสก่อนแบ่งเท่านั้น หาได้ฟ้องแย้งเข้ามาไม่ จึงไม่ใช่ทุนทรัพย์ที่เรียกร้องในชั้นนี้ จำเลยติดใจเรียกรวมเข้าด้วยเป็นการไม่ถูกต้อง
ข้อเถียงของจำเลยในเรื่องสละมรดก ในเรื่องสินเดิมและในเรื่องค่ารักษาพยาบาล ค่าปลงศพเจ้ามรดกดจำเลยเถียงในข้อเท็จจริงและข้อเถียงเกี่ยวกับคำพิพากษาที่มิให้ชักค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายจากกองมรดกนั้นมิชอบก็เป็นข้อเท็จจริง ส่วนในเรื่อง+เคลือบคลุมนั้นเห็นว่าการที่โจทก์ ฟ้องว่านายดวนมีสินเดิมนั้น ก็เพียงประสงค์ เพื่อเป็นเกณฑ์ในการแบ่งสินสมรสอย่างไรเท่านั้น โจทก์หาได้ขอเรียกหรือขอให้หักสินเดิมจากสินสมรสไม่แม้ไม่ได้ระบุว่าสินเดิมมีอะไรบ้าง ก็หาเป็นการเคลืบคลุมไม่ ส่วนที่ศาลหักสินเดิมของโจทก์จากสินสมรสจะเป็นการเกินคำขอหรือไม่ ชั้นนี้จำเลยไม่ได้ฎีกาโต้แย้ง
พิพากษาให้ยกฎีกาจำเลย