แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยกระทำความผิดหลายกรรม คือฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและความผิดต่อพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ กับมีโทษจำคุก 10 วันที่ศาลรอการลงโทษไว้ในคดีก่อน เมื่อลดโทษแล้วศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำคุกสองกระทงแรก 50 ปี และ 1 ปี 6 เดือน ตามลำดับ กับบวกโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้รวมเป็นโทษจำคุก 50 ปี 6 เดือน 10 วัน แต่ในขณะที่คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ได้มีพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 ออกใช้บังคับเกี่ยวกับการลงโทษผู้กระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน ซึ่งแตกต่างกับกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิด และเป็นคุณแก่ผู้กระทำความผิด จึงต้องใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่ผู้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 3 คดีนี้เมื่อเรียงกระทงลงโทษแล้ว ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 (3) ที่ได้แก้ไขใหม่ จะลงโทษจำคุกเกินกว่า 50 ปีไม่ได้ ศาลฎีกาพิพากษาแก้เป็นให้จำคุก 50 ปีและบวกโทษจำคุก 10 วันที่รอการลงโทษไว้ รวมเป็นโทษจำคุก 50 ปี 10 วัน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบังอาจมีอาวุธปืนและกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่รับอนุญาต พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านโดยไม่มีเหตุอันสมควรและไม่ได้รับอนุญาต และใช้ปืนดังกล่าวยิงฆ่านายเดชาโดยไตร่ตรองไว้ก่อนขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๙, ๓๗๑, ๙๑, ๕๘ พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา ๗, ๘ ทวิ, ๗๒, ๗๒ ทวิ ฯลฯ และขอให้บวกโทษจำคุก ๑๐ วันที่ศาลรอการลงโทษไว้ด้วย
จำเลยให้การรับสารภาพและรับว่าเคยต้องโทษจริงตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่รับอนุญาต จำคุก ๒ ปี ฐานพาอาวุธปืนไปในเมืองฯ จำคุก ๑ ปี ฐานฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ จำคุก ๒๐ ปี รวมโทษจำคุก ๒๓ ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก ๑๑ ปี ๖ เดือนบวกกับโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้ รวมลงโทษจำคุก ๑๑ ปี ๖ เดือน ๑๐ วัน
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๙ (๔) วางโทษประหารชีวิต ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก ๕๐ ปี รวมกับโทษในฐานความผิดอื่นและบวกโทษที่รอการลงโทษไว้แล้ว คงจำคุกจำเลย ๕๑ ปี ๖ เดือน ๑๐ วัน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยฆ่านายเดชาโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า แต่ปรากฏว่าขณะคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ได้มีพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา(ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๒๖ ออกใช้บังคับเกี่ยวกับการลงโทษผู้กระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน ซึ่งแตกต่างกับกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิด และเป็นคุณแก่ผู้กระทำความผิด ซึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓ บัญญัติให้ใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่ผู้กระทำความผิดไม่ว่าในทางใด คดีนี้เมื่อเรียงกระทงลงโทษทุกกรรมแห่งความผิดแล้ว ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ (๓) ที่ได้แก้ไขใหม่โดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๒๖ มาตรา ๔ จะลงโทษจำคุกเกินกว่าห้าสิบปีหาได้ไม่
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุกจำเลย ๕๐ ปี ๑๐ วัน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ (๓) ซึ่งได้แก้ไขใหม่โดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๒๖ มาตรา ๔ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์