แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฟ้องกล่าวว่า นางส้มแป้นและนางสาวลัดดา เป็นเจ้าของทรัพย์ที่ถูกจำเลยลักหรือรับของโจร แม้ทางพิจารณาจะได้ความเพิ่มเติม จากฟ้องขึ้นอีกว่า ทรัพย์บางส่วนเป็นของนางสาวใน้ โดยโจทก์มิได้บรรยายในฟ้องว่านางสาวใน้เป็นเจ้าของทรัพย์ด้วยก็ตาม ก็ไม่ทำให้จำเลยพ้นผิดเพราะเหตุนี้ไปได้
ย่อยาว
โจทก์ ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร และให้ใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืน ๖๐๐ บาท แก่เจ้าทรัพย์ด้วย
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นว่าจำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๕ (๑) (๓) (๗) (๘) ให้จำคุก ๓ ปี และให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่คืน ๖๐๐ บาท แก่เจ้าทรัพย์ด้วย
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยเฉพาะข้อกฎหมายในฎีกาข้อ ๓ และ ข.
ข้อกฎหมายที่จำเลยหยิบยกขึ้นกล่าวในฎีกาว่า ฟ้องโจทก์ไม่สมบูรณ์ ตามป. วิ. มาตรา ๑๕๘ เพราะโจทก์กล่าวฟ้องว่า นางส้มแป้น นางสาวลัดดา เป็นผู้เสียหาย แต่ในทางพิจารณากลับปรากฏมีนางสาวใน้เป็นผู้เสียหาย เพิ่มขึ้นอีกคนหนึ่ง นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงต้องกันแล้วว่า จำเลยเป็นคนร้ายลักหัวจักร ๔ หัว ซึ่งเป็นของนางส้มแป้น ๒ หัว ของนางสาวลัดดา ๑ หัว แม้อีก ๑ หัวจะเป็นของนางสาวใน้ โดยโจทก์มิได้บรรยายในฟ้องว่า เป็นผู้เสียหายด้วยก็ดี รูปคดีก็มิได้ ทำให้จำเลยพ้นผิดฐานลักทรัพย์ดังที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาไว้
ส่วนข้อที่จำเลยกล่าวในฎีกาว่า นางกังเป็นคนเอาไปจำนำ ไม่ใช่จำเลย นั้น ข้อนี้ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังว่า เอาไปจำนำด้วยกัน เป็นการเถียงข้อเท็จจริง ไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายืน