คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1078/2516

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข้อเท็จจริงที่ว่า โจทก์กับจำเลยใครเป็นผู้มีสิทธิ(ในที่พิพาท)ดีกว่ากัน นั้น คู่ความทั้งสองฝ่ายยังโต้เถียงกันอยู่ ถือว่าเป็นประเด็นข้อพิพาทที่จะต้องพิจารณาสืบพยานกันต่อไป แม้ได้มีคำพิพากษาในคดีก่อนวินิจฉัยถึงกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทเป็นคุณแก่จำเลยแล้วจะถือเอาคำเบิกความของโจทก์ (คดีนี้)ที่เบิกความไว้ในคดีนั้น เป็นคำรับของโจทก์ในคดีนี้หาได้ไม่ จึงไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะนำสืบให้ศาลเห็นว่าความจริงโจทก์มีสิทธิในที่พิพาทดีกว่าจำเลย การที่ศาลชั้นต้นงดสืบพยานทั้งสองฝ่ายแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ โดยถือเอาคำเบิกความของโจทก์ในคดีอื่นมาเป็นคำแถลงรับของโจทก์ในคดีนี้จึงเป็นการไม่ชอบ

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่า นางสาวแดงเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดที่ 626 และ 627 ตามสัญญาที่ทำกันไว้ระหว่างนางสาวแดงกับบิดาจำเลยที่ 1 และพี่น้องคนอื่น ๆ นางสาวแดงทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินทั้งหมดให้หลวงภาษาพิรัช และนางเฮเลน อนงค์ ซึ่งต่อมาหลวงภาษาพิรัชและนางเฮเลนถึงแก่กรรม โจทก์จึงเป็นผู้มีสิทธิในที่ดินตามโฉนดทั้งสองโฉนดนั้น จำเลยที่ 1 ได้ไปขอออกใบแทนโฉนดที่ดินทั้งสองแปลงนี้ใส่ชื่อจำเลยที่ 1 เป็นผู้รับมรดกโดยไม่มีสิทธิ แล้วจดทะเบียนโอนขายให้จำเลยที่ 2 อันเป็นการกระทำที่ไม่สุจริตจึงขอให้ศาลเพิกถอนใบแทนโฉนดและนิติกรรมโอนขายที่ดินแล้วลงชื่อโจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ ห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้อง

จำเลยทั้งสองให้การยกข้อต่อสู้หลายอย่างหลายประการ สรุปเป็นใจความว่า ที่พิพาทเป็นของนางหลี ตกได้แก่จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 รับโอนโดยเสียค่าตอบแทนโดยสุจริต และคดีโจทก์ขาดอายุความ

ในวันที่ศาลชั้นต้นชี้สองสถานกำหนดประเด็นคู่ความนำสืบ จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลชี้ขาดในปัญหาข้อกฎหมายเบื้องต้น โจทก์ยื่นคำแถลงคัดค้านคำร้องของจำเลยแล้ว ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลย แล้ววินิจฉัยว่า ที่พิพาททั้งสองแปลงไม่ใช่ทรัพย์ของนางหลีข้อความในสัญญาที่ว่าทรัพย์สินทุกอย่างที่นางหลีมีอยู่ ให้ตกเป็นของนางสาวแดง จึงไม่คลุมถึงที่พิพาท ที่พิพาทจึงไม่ตกเป็นของโจทก์ตามพินัยกรรมของนางสาวแดง โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งและคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานหลักฐานของโจทก์จำเลยแล้วพิพากษาใหม่

จำเลยทั้งสองฎีกาว่า ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาในคดีก่อน(คำพิพากษาฎีกาที่ 1688-1689/2513) วินิจฉัยถึงกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทเป็นคุณแก่จำเลยแล้ว เมื่อโจทก์เบิกความในคดีนั้นว่าที่พิพาทสองแปลงนี้ไม่ใช่ของนางหลีและไม่ปรากฏในพินัยกรรมของนางสาวแดงว่ายกให้แก่โจทก์ จึงเป็นการยอมรับข้อเท็จจริงซึ่งฟังเป็นยุติ ถือได้ว่าโจทก์ไม่สามารถพิสูจน์ตามความในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145(2) ว่าตนมีสิทธิในที่พิพาทดีกว่าจำเลย จึงไม่ต้องสืบพยานกันต่อไป

ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงที่ว่าโจทก์กับจำเลย ใครเป็นผู้มีสิทธิดีกว่ากันนั้น คู่ความทั้งสองฝ่ายยังโต้เถียงกันอยู่ถือว่าเป็นประเด็นข้อพิพาทที่จะต้องพิจารณาสืบพยานกันต่อไปคำเบิกความของโจทก์ในคดีอื่น หากจะมีจริงดังที่จำเลยฎีกา ก็เป็นแต่เพียงพยานหลักฐานที่จำเลยอ้างอิงเข้ามาในคดีเพื่อสนับสนุนข้ออ้างฝ่ายตนเท่านั้น จะถือว่าเป็นคำรับของโจทก์ในคดีนี้หาได้ไม่จึงไม่ตัดสิทธิของโจทก์ที่จะนำสืบให้ศาลเห็นว่าความจริงโจทก์มีสิทธิในที่พิพาทดีกว่าจำเลย ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดสืบพยานทั้งสองฝ่ายแล้วพิพากษายกฟ้องของโจทก์ โดยถือเอาคำเบิกความของโจทก์ในคดีอื่นมาเป็นคำแถลงรับของโจทก์ในคดีนี้นั้น เป็นการไม่ชอบคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ชอบด้วยรูปคดีแล้ว

พิพากษายืน

Share