แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นให้ปิดประกาศแจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาให้โจทก์ทราบหน้าศาล เมื่อถึงวันนัดโจทก์ไม่มาศาล จะถือว่าโจทก์ทราบคำพิพากษาซึ่งศาลชั้นต้นได้อ่านในวันดังกล่าวแล้วไม่ได้ เพราะกำหนดเวลายังมิได้ล่วงพ้นไปสิบห้าวันนับแต่วันที่ปิดประกาศตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 ต้องถือว่าโจทก์ทราบคำพิพากษาในวันที่โจทก์ยื่นคำแถลงขอคัดค้านคำพิพากษา และโจทก์มีสิทธิยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นภายในกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันดังกล่าว.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งหดกับจำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินติดต่อกัน คนที่อยู่ในที่ดินโจทก์ใช้ทางเข้าออกถนนสาธารณะผ่านที่ดินจำเลยติดต่อกันมาเป็นเวลา ๓๐ ปี จนได้ทางภาระจำยอมโดยอายุความแล้ว ต่อมาจำเลยปิดทางภาระจำยอมดังกล่าว ขอให้พิพากษาว่า ที่ดินของจำเลยภายในเส้นสีแดงตามแผนที่สังเขปท้ายฟ้องเป็นทางภาระจำยอม ให้จำเลยไปจดทะเบียนเป็นทางภาระจำยอม ถ้าไม่ปฏิบัติให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย ให้จำเลยรื้อถอนเสาปูนและรั้วลวดหนามบนทางภาระจำยอมออกไป ถ้าไม่ปฏิบัติให้โจทก์ดำเนินการรื้อถอนเอง โดยจำเลยต้องออกค่าใช้จ่ายจำนวน ๓,๐๐๐ บาท ห้ามมิให้จำเลยกระทำการใด ๆ อันจะเป็นเหตุให้ทางภาระจำยอมต้องลดหรือเสื่อมความสะดวก
จำเลยให้การว่า คนในที่ดินของโจทก์ถือวิสาสะขออาศัยที่ดินของจำเลยเดินผ่านไปออกถนนสาธารณะ ที่ดินจำเลยจึงไม่ตกเป็นภาระจำยอม ทางเดินกว้างไม่เกิน ๗๕ เซนติเมตร ยาวไม่เกิน ๘ เมตร คนในที่ดินโจทก์ร่วมกันบุกรุกที่ดินจำเลยโดยเทปูนซีเมนต์บนทางที่เดินผ่าน ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า ที่ดินของจำเลยกว้าง ๒.๕๐ เมตร ยาว ๑๐ เมตร ภายในเส้นสีแดงตามแผนที่สังเขปท้ายฟ้องเป็นทางภาระจำยอมให้จำเลยไปจดทะเบียน ถ้าไม่ปฏิบัติให้ถือคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย ให้จำเลยรื้อถอนเสาปูนและรั้วลวดหนามบนทางภาระจำยอมออกไป ถ้าไม่ปฏิบัติให้โจทก์รื้อถอนเอง โดยจำเลยเสียค่าใช้จ่ายจำนวน ๓,๐๐๐ บาท ห้ามมิให้จำเลยกระทำการใด ๆ อันจะเป็นเหตุให้ประโยชน์แห่งทางภาระจำยอมต้องลดหรือเสื่อมความสะดวก
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ที่จำเลยฎีกาว่า การที่ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของโจทก์เป็นการไม่ชอบ เพราะประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๒๙ บัญญัติให้ยื่นอุทธรณ์ภายในกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ได้อ่านคำพิพากษา ไม่มีบทใดบัญญัติให้ยื่นภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันทราบคำพิพากษา อีกประการหนึ่งในรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๒๗ ที่นัดฟังคำพิพากษาวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๒๗ โจทก์ลงชื่อทราบคำสั่งศาลชั้นต้นแล้ว ครั้นถึงวันนัดโจทก์ไม่มาศาล ก็ต้องถือว่าโจทก์ทราบกระบวนพิจารณาของศาลในวันนั้น ซึ่งสั่งให้เลื่อนการอ่านคำพิพากษาไปวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๒๗ นั้น เห็นว่า ในวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๒๗ ศาลชั้นต้นสั่งในรายงานกระบวนพิจารณาให้ปิดประกาศแจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาให้โจทก์ทราบหน้าศาล ดังนั้น คดีนี้ศาลชั้นต้นจึงอ่านคำพิพากษาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากการปิดประกาศแจ้งนัดให้โจทก์ทราบที่หน้าศาลนั้น กำหนดเวลามิได้ล่วงพ้นไปสิบห้าวันนับแต่วันที่ปิดประกาศตามที่ระบุไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๗๙ เมื่อเป็นเช่นนี้จะถือว่าโจทก์ทราบคำพิพากษาซึ่งศาลชั้นต้นได้อ่านเมื่อวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๒๗ แล้วไม่ได้ โจทก์ยื่นคำแถลงขอคัดคำพิพากษาวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๒๗ และไม่ปรากฏว่าโจทก์ทราบว่าได้มีการอ่านคำพิพากษาก่อนวันดังกล่าว จึงต้องถือว่าโจทก์ทราบคำพิพากษาในวันที่โจทก์ยื่นคำแถลงขอคัดคำพิพากษา ดังนั้น การที่โจทก์ยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นภายในกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันดังกล่าว ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของโจทก์จึงเป็นการชอบแล้ว และกรณีนี้ไม่ทำให้จำเลยได้รับความเสียหายหรือเสียสิทธิแต่ประการใด ประกอบกับศาลอุทธรณ์ก็ได้วินิจฉัยเนื้อหาของคดีมาแล้ว ไม่มีเหตุสมควรที่ศาลฎีกาจะย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาใหม่อีก ที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์ทราบคำสั่งของศาลชั้นต้นที่นัดอ่านคำพิพากษาไว้ในตอนแรกแล้ว ครั้นถึงวันนัดศาลชั้นต้นสั่งให้เลื่อนการอ่านคำพิพากษาไป ก็ต้องถือว่าโจทก์ทราบรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นในวันนั้นด้วยนั้น เห็นว่า เมื่อศาลชั้นต้นให้เลื่อนการอ่านคำพิพากษาไป ก็จะต้องแจ้งวันนัดให้โจทก์ทราบ จะถือว่าโจทก์ทราบวันนัดที่เลื่อนไปไม่ได้
สำหรับฎีกาของจำเลยที่ว่า ทางพิพาทมิได้เป็นทางภาระจำยอมนั้น ฯลฯ เห็นว่า พยานหลักฐานของโจทก์น่าเชื่อกว่าฝ่ายจำเลย ฟังได้ว่าทางพิพาทมีความกว้าง ๒.๔๐ เมตร และยาว ๑๐ เมตร ตามแผนที่สังเขปท้ายฟ้อง แต่ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า ถ้าจำเลยไม่รื้อถอนเสาปูนและรั้วลวดหนามบนทางภาระจำยอมออกไป ให้โจทก์ดำเนินการรื้อเอง โดยจำเลยเสียค่าใช้จ่ายจำนวน ๓,๐๐๐ บาท นั้น เนื่องจากได้มีพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๒๗ เพิ่มเติมบทมาตรา ๒๙๖ ทวิแล้ว โจทก์ชอบที่จะร้องขอต่อศาลให้มีคำสั่งตั้งเจ้าหนักงานบังคับคดีดำเนินการให้ จะขอรื้อถอนเองมิได้
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำขอส่วนที่ให้โจทก์รื้อถอนเสาปูนและรั้วลวดหนามเอง โดยให้จำเลยเสียค่าใช้จ่ายจำนวน ๓,๐๐๐ บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์