คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1075/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 17 ให้ใช้บทบัญญัติในภาค 1แห่งประมวลกฎหมายอาญาในกรณีแห่งความผิดตามกฎหมายอื่นนั้นย่อมนำมาใช้ในกรณีแห่งความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คตามพระราชบัญญัตินั้นด้วย
ความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คตามพระราชบัญญัติฉบับนั้น ไม่จำต้องกระทำโดยบุคคลเพียงคนเดียว บุคคลหลายคนอาจร่วมกระทำผิดด้วยกันได้

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องมีใจความว่า จำเลยนี้กับจำเลยในคดีแดงที่ 472/2505 ของศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้สมคบร่วมกระทำผิดด้วยกันออกเช็คให้แก่ผู้มีชื่อโดยจำเลยนี้ยอมให้จำเลยในคดีนั้นเป็นผู้สั่งจ่ายเงิน 5,600 บาท โดยขณะที่ออกไม่มีเงินอยู่ในบัญชีหรือออกเงินสูงกว่าจำนวนที่มีอยู่ในบัญชีขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ มาตรา 3 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นเห็นว่า คดีพอวินิจฉัยได้แล้ว งดสืบพยาน พิพากษาว่าผู้ที่จะมีความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ต้องเป็นผู้ออกเช็คหรือผู้สั่งจ่ายเอง จำเลยไม่ใช่เป็นผู้เซ็นสั่งจ่าย แม้จะฟังว่าจำเลยให้แบบเช็คให้จำเลยในคดีนั้นไป จะถือว่าจำเลยสมคบกันไม่ได้เพราะการออกเช็คเป็นเรื่องเฉพาะตัวให้ยกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปแล้วพิพากษาใหม่

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ปรากฏว่าเช็คฉบับนี้เป็นเช็คในสมุดเช็คของจำเลย แม้จำเลยจะไม่ได้ลงชื่อในเช็คฉบับที่ฟ้องร้องก็ตาม กรณีก็อาจเป็นการร่วมกันกระทำผิดด้วยกันได้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 หรือตามมาตรา 86 ก็ได้ เพราะประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 17 ให้นำบทบัญญัติในภาค 1 มาใช้ในกรณีแห่งความผิดตามกฎหมายอื่นด้วย และตามกฎหมายที่โจทก์อ้างในคดีนี้ ก็ไม่จำต้องกระทำโดยบุคคลเพียงคนเดียว แต่บุคคลหลายคนอาจสมคบร่วมกระทำผิดด้วยกันก็ได้

พิพากษายืน

Share