คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1075/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในกรณีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องให้ริบช้างของจำเลยโดยฟังว่าช้างถูกนำเข้ามาจากประเทศพม่านั้น จำเลยจะฎีกาคัดค้านว่าช้างมิได้ถูกนำมาจากประเทศพม่าแต่เช่าผู้อื่นมาจากในเขตประเทศไทยไม่ได้ เพราะถือว่าจำเลยฎีกาค้านในข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้ฎีกาในเรื่องนี้

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นฟังว่าช้างของกลางนี้ได้นำเข้ามาจากประเทศพม่าโดยมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตาม กฎหมายเป็นของต้องริบตาม พระราชบัญญัติควบคุมการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้าบางอย่าง(ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2490 ม. 3 แต่โจทก์ไม่มีพยานสืบว่าจำเลยเป็นผู้นำเข้ามาหรือสั่งให้นำเข้ามา ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยสมคบกันนำเข้ามาพิพากษายกฟ้องปล่อยจำเลยทั้งสอง ช้างของกลางริบ

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ ขอให้คืนช้างให้จำเลยศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาประชุมปรึกษาคดีนี้แล้ว จำเลยฎีกาได้แต่เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายและศาลฎีกาต้องฟังข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังมา จำเลยค้านว่าเช่าช้างมาจากนายโยป่าที่บ้านหมื่นฤาชัย ต.ช่องแคบ ในประเทศไทยแต่ศาลล่างทั้งสองฟังว่าช้างที่ถูกนำเข้ามาจากประเทศพม่าจึงเป็นข้อเท็จจริง จำเลยฎีกาไม่ได้ในข้อนี้

จำเลยฎีกาในข้อ กฎหมายว่าถ้าจำเลยจะผิดก็ผิดตาม พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2480 มาตรา 8, 11 แต่ไม่ผิดตาม พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 27 ข้อนี้ศาลล่างทั้งสองมิได้ชี้ขาดความผิดตามบท กฎหมายที่จำเลยยกขึ้นอ้างเลย แต่ปรับบทลงโทษตาม พระราชบัญญัติควบคุมการส่งออกนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้าบางอย่าง (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2490 มาตรา 3 โดยให้ริบช้างของกลาง ซึ่งศาลฎีกาเห็นชอบด้วย

จึงพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ยกฎีกาจำเลย

Share